Skip to content

คุณ ทานตะวัน​  เขียวน้ำชุม ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์

การพาตนเองกลับไปสู่ธรรมชาติ นอกจากเป็นวิธีที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นการย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เราเดินทางมาไกลแค่ไหน วิถีชีวิตของเราต้องพึ่งพาธรรมชาติมากน้อยเพียงใด การอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติที่เหลือน้อยลงทุกทีจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรตระหนัก อย่างที่คนต้นแบบเมืองนครท่านนี้ได้พยายามถ่ายทอดความรู้แก่เด็กรุ่นใหม่ให้เห็นถึงความสำคัญของผืนป่า ผ่านรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ คุณ ทานตะวัน​  เขียวน้ำชุม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทาร์ซาน แอดเวนเจอร์ ทัวร์ จำกัด (เดินป่าหลังคาแดนใต้ Tarzan Adventure Team)

จากวิถีชีวิตชาวเมือง มุ่งหน้าสู่วิถีชีวิตธรรมชาติ

คุณทานตะวัน หรือครูแจง พื้นเพเดิมเป็นคนกรุงเทพมหานคร ชื่นชอบการทำกิจกรรมและการท่องเที่ยวตั้งแต่เด็ก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการจัดการโรงแรม เพราะคิดว่าตรงกับคาแร็กเตอร์ของตนเองขณะที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 มีโอกาสได้ฝึกงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ควบคู่กับการทำงานพาร์ทไทม์ตามโรงแรม หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็น Event coordinator  ทำหน้าที่บริหารพื้นที่ในการจัดงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จนวันหนึ่งได้ไปเห็นโฆษณาที่ฉากหลังเป็นป่าเขา ทำให้คุณทานตะวันรู้ได้ในทันทีว่านี่คือ ตัวตนของตนเอง จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อเดินทางสู่เส้นทางธรรมชาติ

คุณทานตะวันเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครกับทางชมรมนักนิยมธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้รักธรรมชาติ นอกจากงานพื้นฐานในการให้ความรู้เรื่องธรรมชาติแก่คนทั่วไปแล้ว ทางชมรมมีการจัดกิจกรรมภาคสนามค่ายสำหรับเด็กและเยาวชนเพื่อเรียนรู้การดำรงชีพในป่า ซึ่งต้องผ่านการฝึกอบรม เรียนรู้ตั้งแต่ความรู้ขั้นพื้นฐาน องค์ประกอบต่างๆ ในธรรมชาติ การสื่อความหมายของธรรมชาติ จิตวิทยาเด็ก การตั้งแคมป์ ฯ  การฝึกอบรมทั้งหมดนี้ผู้ที่เป็นอาสาสมัครต่างสละเวลา แรงกาย แรงใจ และกำลังทรัพย์ เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นพี่เลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ คอยให้ความช่วยเหลือแก่เยาวชนได้

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ กับการสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์

คุณทานตะวัน เล่าว่า สำหรับตัวเองนั้นการทำค่ายครั้งแรกเป็นอะไรที่ยากมาก แม้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากเยาวชน แต่ส่วนตัวคิดว่าต้องพัฒนาให้มากกว่านี้อีก จึงเดินป่าไปเรื่อยๆ และหาข้อมูลจากเว็บไซต์เพื่อการเดินป่าเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ จนไปเจอกับภาพอุทยานแห่งชาติเขาหลวงแล้วเกิดความชื่นชอบอย่างมาก แม้ภาพที่เห็นนั้นดูสวยงามเพียงใด แต่คุณทานตะวันยังไม่กล้าที่จะเดินทางไป จนเมื่อโอกาสมาถึงและได้เดินป่าตามที่ตั้งใจกลับพบว่าเส้นทางยากกว่าที่คาดไว้ แม้การเดินทางในครั้งนั้นจะลำบาก แต่ก็พบว่าสภาพป่ายังคงสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ หลังจากนั้นคุณทานตะวันตัดสินใจที่จะหลงหลักปักฐานอยู่ที่นครศรีธรรมราช เมื่อปักหมุดเส้นทางชีวิตมุ่งไปที่การเดินป่า คุณทานตะวันจึงใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่มีมาคิดวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรให้คนอื่นที่อยากเดินป่า อยากสัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง สามารถเดินป่าได้ อย่างการเตรียมตัวสำหรับมือใหม่ จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ อุปกรณ์ที่ใช้ต้องเหมาะสมกับการเดินป่า เช่น รองเท้า เป้ใส่สัมภาระ

จนเมื่อคุณทานตะวันมีลูก ก็อยากให้ลูกเข้าใจวิถีธรรมชาติ จึงเริ่มจัดกิจกรรมเดินป่าสำหรับเด็ก เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กๆ โดยชักชวนเพื่อนๆ ของลูกมาเข้าร่วมกิจกรรม ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในการดำเนินกิจกรรม กว่า 35 รุ่นที่เข้าร่วมโครงการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีตั้งแต่เด็กปฐมวัยไปจนถึงผู้สูงอายุ กิจกรรมมีการไต่ระดับจากการเดินป่าเป็นการเดินขึ้นเขา คุณทานตะวัน เล่าว่า พวกเด็กๆ มีพลังอย่างล้นเหลือ แม้จะงอแงบ้างแต่ก็ยังคงก้าวเดินต่อไปเพื่อไปสู่จุดหมาย นอกจากเกิดความภูมิใจในตัวเองที่ทำได้สำเร็จแล้ว การเดินป่ายังเป็นฝึกทักษะในการจัดการอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน เป็นการฝึกสติ สมาธิ ให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน อยู่กับทุกย่างก้าว เป็นการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว กิจกรรมนี้จึงเหมาะกับเด็กๆ มากนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมวิทยาศาสตร์โดยใช้ธรรมชาติสอน จัดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครศรีธรรมราช  อำเภอพรหมคีรี

ท่องเที่ยวสีเขียว ภายใต้ BCG Model

การเดินป่า เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เน้นเที่ยวแบบพอดี ไม่ใช่การบุกรุก เข้าป่าเพื่อเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ซึ่งการท่องเที่ยวในรูปแบบ BCG Model  เป็นเรื่องที่คุณทานตะวันให้ความสำคัญ เป็นการรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โมเดลนี้เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ( Bioeconomy)  มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวชุมชน ผู้ประกอบการต่างเริ่มตื่นตัวและปรับตัวโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน พยายามหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่เป็นการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ อย่างเรื่องขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก แต่สามารถเริ่มต้นจากตัวเราเองได้ ลดการใช้ ใช้ซ้ำ ทิ้งให้ถูกวิธี และกำจัดอย่างเหมาะสม

ปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ลดลง เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพอากาศที่แปรปรวน ตลอดจนปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แน่นอนว่าต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน หากไม่สามารถชดเชยในสิ่งที่เสียไปได้ อย่างน้อยก็อย่าทำลาย เพื่อส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ ความงามของธรรมชาติไปสู่คนรุ่นต่อไป รวมถึงสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นบนโลกใบนี้

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ