คุณ ยุทธนา ไกรเสม ปั้นเยาวชนคนข่าว บอกเล่าเรื่องราวท่องเที่ยวธรรมชาติ

เด็กที่สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพย่อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต การบ่มเพาะเด็กสักคนให้สามารถกลายเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนอนาคตของชาติได้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะหากประสบความสำเร็จก็ย่อมหมายมุ่งถึงความเจริญของชาติได้ในอนาคต แต่กระนั้นด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปงานนี้ก็ดูจะไม่ใช่ของง่ายเลย แต่สำหรับคนต้นแบบที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้นั้น เขามีแนวคิดที่จะบ่มเพาะให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณค่าประดุจดั่งเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าที่จะออกผลและงอกงามภายใต้การดูแลบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เขาคนนี้มีแนวคิดเช่นไรเราจะไปเรียนรู้แนวคิดที่น่าสนใจนี้ไปด้วยกัน

การเติบโตมาในครอบครัวที่เสียสละคือจุดเริ่มต้นบ่มเพาะแนวความคิดของการอุทิศตน

คุณยุทธนา ไกรเสม หรือคุณแกละหรือที่เด็ก ๆ เรียกกันว่าลุงแกละ คือบุคคลต้นแบบเจ้าของเรื่องราวที่เราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้ ลุงแกละของเด็ก ๆ เติบโตมาในครอบครัวที่บรรพบุรุษเสียสละที่ดินกว่า 200 ไร่เพื่อที่จะสร้างเป็นโรงไฟฟ้าที่ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช บรรพบุรุษของลุงแกละไม่ได้มองว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นเรื่องเสียเปรียบ แต่สิ่งนี้จะช่วยนำความเจริญมาสู่ชุมชนบ้านเกิดในอนาคต แนวความคิดเช่นนี้จึงถูกปลูกฝังมาสู่ตัวของลุงแกละด้วยเช่นกัน

ในวัยเด็กลุงแกละเป็นเด็กที่รักการอ่านมากคนหนึ่งและสนใจวิชาภาษาไทยมากเป็นพิเศษทำให้เมื่อเข้าสู่ช่วงของการเรียนในระดับชั้นอุดมศึกษาลุงแกละจึงเลือกที่จะเรียนในสาขาเทคโนโลยีการศึกษาและระดับปริญญาโทการสื่อสารมวลชน

การเรียนของลุงแกละเป็นสิ่งที่แปลกแตกต่างจากบุคคลอื่น เพราะลุงแกละใช้เวลาเรียนถึง 24 ปีจึงสำเร็จการศึกษา เหตุที่บอกว่าแปลกนั้นไม่ใช่ระยะเวลาในการเรียนที่ยาวนานแต่เป็นการเลือกที่จะลงเรียนในวิชาที่ตนเองสนใจ ลุงแกละจึงลงเรียนวิชาที่หลากหลายมากตามความสนใจ จนกระทั่งวิชาเรียนที่ลุงแกละเรียนนั้นเข้าได้กับวุฒิการศึกษาเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งที่ในความเป็นจริงจำนวนวิชาที่เรียนและจำนวนหน่วยกิตนั้นลุงแกละเรียนไว้มากกว่าที่สิ่งที่หลักสูตรกำหนดเสียอีก สิ่งนี้จึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ลุงแกละสามารถนำความรู้มาต่อยอดได้อย่างหลากหลาย

ในช่วงที่ลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น ลุงแกละได้สมัครเข้าทำงานด้านหนังสือพิมพ์ไปด้วยเพราะใจรักในด้านการสื่อสารที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนั่นเอง

จุดเริ่มต้นสู่การจัดตั้งสโมสรเยาวชนสำนักข่าวเสียงเด็ก

ในช่วงปี 2539-2540 เป็นช่วงที่ลุงแกละได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ละแวกบ้านที่ลุงแกละอยู่นั้นมีทั้งโรงเรียนและเด็ก ๆ รายล้อม ในสมัยนั้นเป็นช่วงที่คอมพิวเตอร์เริ่มถูกใช้งานในด้านต่าง ๆ ลุงแกละจึงจับเอาเด็กเหล่านี้มาเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์และก่อตั้งเป็นชมรมเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาเป็นสำนักข่าวเสียงเด็กเพื่อให้เด็กมีกิจกรรมร่วมกัน โดยการทำสำนักข่าวเสียงเด็ก เด็ก ๆ จะต้องไปหาข้อมูลเพื่อนำมาสื่อสารต่อภายใต้สโลแกน “สื่อสารถูกต้อง สร้างสันติสุข” เป็นกระบอกเสียงที่กระจายข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้แก่ชุมชนนั่นเอง

ภายใต้สโมสรนี้เด็กจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำร่วมกันภายใต้แนวความคิดที่เกิดขึ้นจากตัวของเด็กเอง เด็กทุกคนจะร่วมกันคิด ออกแบบ และสร้างกิจกรรมที่ตนสนใจและอยากทำ โดยลุงแกละจะปล่อยและให้อิสระกับเด็กอย่างเต็มที่ภายใต้การเฝ้ามองของลุงแกละ โดยหน้าที่ในการประสานงานกับการจัดหาสปอนเซอร์จะเป็นสิ่งที่ลุงแกละสนับสนุนมาโดยตลอด ตัวอย่างกิจกรรมในอดีตก็เช่นกิจกรรมพายเรื่อล่องคลองที่เด็กทุกคนในสโมสรจะมีส่วนร่วมในการทำความสะอาดคลอง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตัวของเด็กและคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี

เด็กคือเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าในดินที่รอวันเจริญงอกงามไปในแบบที่ตัวเด็กอยากจะเป็นคือแนวคิดสำคัญของลุงแกละ

สโมสรเสียงเด็กไม่มีรูปแบบกิจกรรมที่ตายตัว ลุงแกละจะใช้วิธีการทำเป็นตัวอย่างให้เด็กได้ดู ด้วยความที่ไม่มีรูปแบบที่ตายตัวดังนั้นทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นจะมาจากความสนใจของตัวเด็กเอง โดยบางครั้ง Topic ที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาสด ๆ และลงมือทำทันทีในเวลานั้น โดยลุงแกละมีแนวคิดที่เรียกว่า Learning by Doing ทำให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวของเด็กเองในที่สุด

กิจกรรมที่เด็กได้เรียนรู้ภายในสโมสรมี 2 รูปแบบโดยรูปแบบแรกเป็นวิชาที่ลุงแกละเรียกว่า “วิชาชีวิต”ที่เด็กจะได้เรียนรู้ในเรื่องของวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นวิชาที่ไม่มีเรียนในห้องเรียนปกติ กับอีกรูปแบบคือวิชาที่เด็กสนใจอยากที่จะเรียนรู้ เป็นเรื่องสมัยใหม่ที่เด็กอยากได้ความรู้เพิ่มโดยทั้งนี้ตัวของเด็ก ๆ จะเป็นผู้ที่หาข้อมูลมานำเสนอกันและเรียนรู้ไปด้วยกัน

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือการออกแคมป์ในป่า โดยลุงแกละมีที่ดินเล็ก ๆ ที่ปล่อยทิ้งไว้ให้กลายเป็นป่าที่ลุงแกละมักใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมให้เด็กได้เข้าไปเรียนรู้การอยู่ป่า ตั้งแต่การเข้าไปอยู่อย่างไรให้ส่งผลกระทบต่อป่าให้น้อยที่สุด วิชาการอยู่ป่านี้ลุงแกละมีจุดหมายสำคัญอยู่ที่การให้เด็กเกิดความสงบจากสถานที่สงัด เพื่อให้เด็กมีโอกาสได้หลีกเร้นจากเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันที่เด็กต้องเจอในทุกวัน เด็กจึงมีโอกาสที่จะค้นพบความสุขจากความสงบที่เกิดขึ้นภายในและสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการแก้ปัญหาในชีวิตที่เด็กอาจได้พบเจอเมื่อกลับไปอยู่กับสังคมได้ดีขึ้น

เสียงเด็กคือที่พักพิงให้เด็ก ๆ ทุกคน เพราะเด็กทุกคนล้วนแต่มีข้อดีและจุดแข็งในแบบที่ตนเองเป็น

เด็กทุกคนภายใต้สโมสรเสียงเด็กคือเด็กที่ลุงแกละมองว่ามีศักยภาพในแบบที่ตัวเองเป็นทุกคน เด็กบางคนก็สามารถที่จะค้นพบความชอบและความสามารถที่แท้จริงของตนเองซึ่งในบางครั้งอาจไม่สามารถพบได้ในระบบการศึกษาปกติ เพราะความอิสระในการเรียนรู้ที่ลุงแกละมอบให้นั่นเอง เพราะลุงแกละเชื่อเสมอมาว่า เด็กทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่รอวันที่จะงอกงามเติบโตไปในแนวทางของตนเอง ทำให้เด็กทุกคนมองเห็นศักยภาพและคุณค่าของตนเอง

เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน มีความเก่งและมีทักษะที่แตกต่างกัน โดระบบการศึกษาปกติมักจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับเด็กทุกคน ทำให้หลายครั้งที่เด็กบางคนถูกบดบังศักยภาพที่แท้จริงไป แต่สำหรับเสียงเด็ก เด็กจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบและรัก ได้ค้นพบความสามารถ ความชอบที่แท้จริงของตนและหลายกรณีที่ลุงแกละยังได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่เด็กสนใจ ทำให้เด็กหลายคนประสบความสำเร็จตามเส้นทางที่เหมาะสมที่เด็กได้มีโอกาสเลือกด้วยตัวของตัวเอง เพราะเสียงของเด็กมีความหมายเสมอในนิยามของลุงแกละ

ปัจจุบันสโมสรเสียงเด็กได้รับโอกาสจากทาง facebook ให้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนดิจิทัลสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคม ในการเรียนรู้การสร้างตัวตนและรับทุนสนับสนุนการยิงโฆษณาจำนวน 30,000 บาท โดยลุงแกละตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องการที่จะทำให้สโมสรเสียงเด็กเป็นที่รู้จักทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เพื่อให้เด็กนอกพื้นที่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับทางสโมสรเสียงเด็กในอนาคต

สิ่งที่ลุงแกละอยากฝากถึงผู้ปกครองในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเช่นในปัจจุบัน

ลุงแกละยังทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจสำหรับผู้ปกครองก็คือ “พ่อแม่ต้องสื่อสารกับลูกให้มาก ๆ และมีทัศนคติเชิงบวกต่อลูก”  จึงจะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยภายใต้ยุคของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมที่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีและเติบโตไปในแนวทางของตนเอง จึงไม่ควรเปรียบเทียบลูกของตนกับเด็กคนอื่น ผู้ใหญ่ต้องพร้อมที่จะรับฟังเด็ก แลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตนเองรู้กับเด็กและพร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่ตนไม่รู้เช่นกัน เพราะในปัจจุบันนี้เด็กเข้าถึงวิชาความรู้ง่ายขึ้นผ่าปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น เด็กจะเรียนรู้สิ่งที่ตนสนใจได้ง่ายขึ้นซึ่งผู้ปกครองเองก็ควรที่จะสนับสนุนสิ่งที่เด็กสนใจโดยไม่พยายามไปบงการหรือปิดกั้นความสนใจนั้น จงคิดเสมอว่าเด็กก็คือเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมจะเติบโตและงอกงามเป็นตัวของเขาเอง หากผู้ปกครองยอมรับและเปิดใจกับความสนใจและความต้องการของเขาพร้อมหการสนับสนุนอย่างเหมาะสม เด็กเหล่านี้ก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคตภายใต้เส้นทางเดินที่พวกเขาเลือกเอง นี่คือสิ่งที่ลุงแกละให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ