ปลาใส่อวน ปลาส้มปักษ์ใต้ ของดีอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทุกท่านรู้จัก ปลาใส่อวน หรือ ที่เรียกกันว่าปลาส้มปักษ์ใต้ กันหรือเปล่าค่ะ?

บางท่านอาจจะรู้จักแล้วหรือบางท่านอาจจะยังไม่รู้จัก  วันนี้นครศรีสเตชั่นจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับปลาใส่อวนหรือปลาส้มปักษ์ใต้ สินค้าของดีอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช หนึ่งในสินค้า O-TOP หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ มารู้จักกับปลาใส่อวนที่มีทั้งเรื่องราวและความหมายรวมไปถึงความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปลาใส่อวน แอดมินขอรับรองเลยว่าถ้าหากทุกท่านได้อ่านบทความนี้จะต้องหิวและอยากลองทานปลาใส่อวนขึ้นมาอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั่นเราอย่ารอช้ามาทำความรู้จักกับปล่าใส่อวนกันเลยค่ะ

ความหมายของ ปลาใส่อวน หรือที่เรียกกับอีกชื่อหนึ่งว่าปลาส้มปักษ์ใต้

ปลาส้ม เป็นการแปรรูปอาหารชนิดนึงจากปลา ที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครื่องปรุงหลักๆคือ ปลา เกลือ น้ำตาล ข้าวสุก ข้าวเหนียว หรือข้าวคั่ว ตามแต่ละท้องถิ่น ผสมกัน หมักจนมีรสเปรี้ยว และในส่วนของวิถีชีวิตชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช​จะใช้ข้าวคั่วหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า”อวน” เป็นส่วนผสมในการหมักปลาให้เกิดรสชาติเปรี้ยว ชาวบ้านจึงเรียกอาหารชนิดนี้กันแบบเข้าใจง่ายๆตามภาษาท้องถิ่นคนนครว่า”ปลาใส่อวน” ก็คือปลาที่ใส่ข้าวคั่ว(อวน)​จนมีรสชาติเปรี้ยวนั่นเองค่ะ” 

ปลาใส่อวนโมเดิร์น ร้านครัวแม่แดง@ทุ่งสง สินค้าของดีอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

คุณอารีรัตน์ วิเชียรชม ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของปลาใส่อวน​โมเดิร์น​(ปลาส้มปักษ์ใต้)​ ร้านครัวแม่แดง@ทุ่งสง ว่า แรกเริ่มเดิมทีคือต้องการแก้ปัญหาปลาดุกที่เลี้ยงกันภายในครัวเรือน แล้วไม่มีแหล่งกระจายวัตถุดิบเมื่อปลาที่เลี้ยงไว้อายุครบกำหนดที่จะจับส่งขาย ก็เลยแก้ปัญหาตรงนั้นโดยการนำปลาที่เลี้ยงไว้มาแปรรูปเป็นปลาใส่อวนไว้ทานกัน ที่เหลือก็แจกจ่ายกันทาน และแบ่งขาย กลายเป็นว่าคนที่ได้ทานเกิดติดใจ และชอบรสชาติในสูตรที่เราทำออกมา เลยมีการติดต่อเข้ามาขอซื้อกันค่อนข้างมาก ทางปลาใส่อวนโมเดิร์น ร้านครัวแม่แดง@ทุ่งสง มองเห็นช่องทางนี้ที่ในอนาคตจะเป็นอาชีพที่เกิดขึ้นภายในครัวเรืิอน และชุมชนได้ ก็เลยเริ่มต้นตัดสินใจทำแปรรูปจำหน่ายแบบจริงจัง พร้อมทั้งปรับปรุง และพัฒนาในตัวผลิตภัณฑ์​กันมาเรื่อยๆจนมาถึงทุกวันนี้

วิธีการทอดปลาใส่อวน

  1. ใช้ไฟกลางและปริมาณน้ำมันที่พอเหมาะ รอให้น้ำมันร้อน
  2. และเมื่อน้ำมันร้อนดีแล้วก็นำปลาใส่อวนมาหย่อนใส่ลงไปในกระทะ (ข้าวคั่วบดที่อยู่ตัวปลาไม่ต้องล้างออก เพราะจะทำให้อร่อยกรุบกรอบ)
  3. รอจนปลาเหลืองกรอบแล้วค่อยพลิกลับด้าน
  4. และเมื่อเหลืองทั้ง 2 ด้านเท่ากันแล้ว ก็ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน

เคล็ดลับความอร่อยแซ่บ คือ ซอยหอมแดง พริก มะนาว จะช่วยเพิ่มรสชาติความแซ่บเพิ่มมากขึ้นค่ะ

ได้รู้จักปลาใส่อวนทั้งเรื่องราวและความหมาย รวมไปถึงวิธีการทอดกันไปแล้ว รู้สึกหิวกันขึ้นมาหรือยังค่ะ? 

บางท่านก็อาจจะยังนึกถึงรสชาติของปลาใส่อวนไม่ออกใช่มั้ยค่ะ? ไม่เป็นไรค่ะเดี่ยวแอดมินจะบรรยายรสชาติของปลาใส่อวนให้ค่ะ ปลาใส่อวนที่เมื่อทอดจนกรอบแล้วจะมีรสชาติที่ไม่เปรี้ยวจัดจนเกินไปบวกกับความกรุบกรอบของข้าวคั่วที่ช่วยให้เมื่อทานเข้าไปจะรู้สึกเคี้ยวแล้วเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่กลมกล่อม และเมื่อทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆหอมแดงและพริกก็จะเพิ่มรสชาติให้แก่ปลาใส่อวนมากขึ้นค่ะ แอดมินของรับประกันความอร่อยของปลาใส่อวนเลยค่ะ ว่าอร่อยจริงไม่จกตา และนอกจากจะอร่อยแล้วปลาใส่อวนก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยนะคะ

อย่าลืมนะคะ เมื่อมาเที่ยวนครศรีธรรมราชแล้ว ก็อย่าพลาดที่จะซื้อปลาใส่อวน สินค้าของดี อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช กลับไปเป็นของฝากกันนะคะ

ผศ.ดร.เมธาวี จำเนียร สื่อสาร สืบทอด ต่อยอดทุนวัฒนธรรมชุมชน

ในแต่ละชุมชนย่อมมีวัฒนธรรมและขนบประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของตนและสืบทอดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมเหล่านี้อาจจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนนั้น ๆ ก็ว่าได้ แต่เมื่อโลกหมุนเวียนเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยี วัฒนธรรมชุมชนอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเองก็เริ่มจะเลือนหายทั้งการถูกละเลยจากคนรุ่นใหม่ ๆ รวมถึงการไม่สามารถพัฒนาให้ร่วมสมัยได้ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เพราะวัฒนธรรมบางอย่างหากสามารถนำไปต่อยอดได้ก็จะสร้างทั้งโอกาสและรายได้ให้กับชุมชนอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้เองจึงมีบุคคลต้นแบบท่านหนึ่งที่ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมของแต่ละชุมชนให้คงอยู่ผ่านกระบวนการสื่อสาร เผยแพร่วัฒนธรรมนั้นให้เป็นที่รู้จัก บุคคลต้นแบบที่เราจะพาไปทำความรู้จักผู้นี้ก็คือ ผศ.ดร.เมธาวี จำเนียร หรืออาจารย์แม้ว อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ หลักสูตรนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

วัยเด็กจากหาดใหญ่สู่การเป็นนักวิจัยที่มาทำประโยชน์ให้กับนครศรีธรรมราช

อาจารย์แม้วไม่ใช่คนจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยกำเนิด อาจารย์มีบ้านเดิมอยู่ในพื้นที่หาดใหญ่จังหวัดสงขลา ในวัยเด็กของอาจารย์เกิดและเติบโตอยู่ภายในพื้นที่จังหวัดสงขลามาโดยตลอดจนกระทั่งเข้าศึกษาต่อที่คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่ด้วยความชื่นชอบในด้านการเขียนและเคยได้เขียนบทความลงวารสารต่าง ๆ มาแล้วอาจารย์แม้วจึงเริ่มหันเหความสนใจเข้าสู่แวดวงของการสื่อสารมวลชนโดยเข้าศึกษาต่อที่คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และกลับไปทำงานที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในด้านการประชาสัมพันธ์รวมถึงเป็นนักวิจัยอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ด้วย

ในวันหนึ่งอาจารย์แม้วมองเห็นโอกาสที่จะได้ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงได้ลองสมัครงานในตำแหน่งอาจารย์ที่คณะวิทยาการจัดการ หลักสูตรนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชในปี 2551 และได้รับโอกาสให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่มาเลเซีย ภายหลังเรียนจบจึงได้กลับมาทำงานด้านวิชาการและการวิจัยที่ราชภัฏนครศรีธรรมราชทั้ง ๆ ที่แต่แรกนั้นอาจารย์แม้วไม่ได้รู้สึกอยากที่จะเป็นนักวิจัยเลยด้วยซ้ำ

จุดเริ่มต้นของการทำงานคือการมองเห็นของดีที่หลากหลายในพื้นที่นครศรีธรรมราช

ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่อาจารย์แม้วได้มาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งที่อาจารย์แม้วมองเห็นคือ “ความหลากหลายของวัฒนธรรมและทรัพยากรต่าง ๆ ในพื้นที่” รวมไปถึง “ความอุดมสมบูรณ์ในทุก ๆ ด้านของจังหวัดนี้” แต่แม้จะมีความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์มากเพียงใด ของดีหลาย ๆ อย่างกลับถูกละเลยและมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยความเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่นอกจากจะมีพันธกิจในด้านการสอนแล้ว อาจารย์แม้วยังมีพันธกิจในเรื่องของการวิจัยและการให้บริการวิชาการแก่ชุมชนด้วย อาจารย์แม้วจึงต้องการที่จะผลักดันของดีในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นภายใต้องค์ความรู้ด้านการสื่อสารมวลชนที่อาจารย์แม้วมี

3 ของดี 3 วัฒนธรรมชุมชนได้รับการต่อยอดจนสร้างชื่อและสร้างโอกาสให้ชุมชน

เมื่ออาจารย์แม้วตั้งใจที่จะช่วยผลักดันวัฒนธรรมชุมชนอันเป็นของดีในแต่ละพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก อาจารย์แม้วจึงเริ่มมองหาวัฒนธรรมแรกที่ต้องการสืบทอดและต่อยอดให้ร่วมสมัยมากขึ้น โดยของดีแรกที่อาจารย์แม้วเลือกก็คือ “รำโทนนกพิทิด” อันเป็นการละเล่นพื้นบ้านของตำบลกรุงชิง ซึ่งอาจารย์แม้วได้มีโอกาสได้เข้าไปทำความรู้จักกับผู้นำชุมชน และพบว่าการละเล่นพื้นบ้านนี้แม้จะเป็นของดีแต่กลับมีผู้ที่สืบสานน้อยมาก อาจารย์แม้วจึงได้เข้าไปช่วยสร้างกระบวนการรับรู้การละเล่นพื้นบ้านนี้ให้กับเยาวชนในพื้นที่ทั้งการสร้างสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กรวมถึงการบันทึกวิดีโอท่ารำและเพลงประกอบ จนในภายหลังทางมหาวิทยาลัยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสืบสานวัฒนธรรมชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยจึงส่งเสริมให้เกิดการวิจัยในลักษณะของการร่วมมือกันในแต่ละศาสตร์เพื่อเข้ามาช่วยเหลือและยกระดับวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน รำโทนนกพิทิดจึงได้รับการยกระดับสืบสานอย่างเป็นระบบและมีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น มีความร่วมสมัยมากขึ้นและสามารถสร้างรายได้หล่อเลี้ยงชุมชนได้ในที่สุดซึ่งรวมไปถึงการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นพวงกุญแจ ถุงหอมรูปนกพิทิด เป็นต้น

ของดีต่อมาที่ได้รับการยกระดับให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้นก็คือ “ขนมลา” อันเป็นของดีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชเช่นกัน แต่ด้วยผู้คนยังติดภาพว่าขนมลาจะมีจำหน่ายในช่วงเดือนสิบตามงานประเพณีสารทเดือนสิบและเป็นขนมที่เป็นที่นิยมในผู้สูงอายุเท่านั้น ทางอาจารย์แม้วและทีมวิจัยจึงต้องสร้างการรับรู้ใหม่รวมถึงปรับปรุงภาพลักษณ์และรูปแบบของสินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงการสื่อสารให้ขนมลาสูตรปรับปรุงใหม่นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นจนในปัจจุบันมีเพจที่รวบรวมผู้ประกอบการจำหน่ายขนมลาเกิดขึ้นและได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากเช่นกัน

ไฮไลต์ของงานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชซึ่งมีอาจารย์แม้วเป็นหนึ่งในทีมวิจัยต่อยอดของดีในชุมชนก็คือ “การยกระดับปลาใส่อวน” ให้เป็นที่รู้จัก สำหรับปลาใส่อวนนั้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะรู้จักในชื่อของปลาส้ม ดังนั้นความยากของโปรเจกต์นี้ก็คือจะทำอย่างไรให้ปลาใส่อวนหรือปลาส้มของนครศรีธรรมราชเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยทางทีมวิจัยได้พยายามหาอัตลักษณ์เฉพาะของปลาใส่อวนที่แตกต่างจากปลาส้มของจังหวัดอื่น ๆ และอัตลักษณ์เฉพาะของปลาใส่อวนของนครศรีธรรมราชก็คือการนำ “ข้าวคั่ว” มาหมักปลาซึ่งจะทำให้ปลาใส่อวนมีกลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะแตกต่างจากปลาส้มของพื้นที่อื่น ๆ  นั่นเอง

นอกเหนือจากการนำข้าวคั่วมาใช้ ปลาใส่อวนของนครศรีธรรมราชยังโดดเด่นที่การใช้เนื้อปลาที่หลากหลายและมีสูตรเฉพาะในแต่ละพื้นที่ซึ่งตอบโจทย์ความชอบที่หลากหลายของคนที่ได้รับประทานด้วยเช่นกัน โดยโปรเจกต์นี้อาจเรียกได้ว่ามีความยากอยู่พอสมควรเพราะนอกจากจะต้องทำให้ปลาใส่อวนเป็นที่รู้จัก ทางทีมงานต้องพยายามช่วยกันขบคิดเพื่อยกระดับปลาใส่อวนนี้ขึ้นสู่สากลให้ได้ทั้งการแปรรูปสินค้า การสร้างแบรนด์ การโปรโมตการตลาดเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ปลาใส่อวนหนึ่งในของดีประจำนครศรีธรรมราชนี้ขึ้นมาให้ได้

พลังของสื่อสารมวลชน พลังแห่งการสรรสร้างประโยชน์เพื่อสังคม

อาจารย์แม้วได้ทิ้งท้ายถึงพลังของการสื่อสารมวลชนที่อาจารย์ได้นำมาช่วยสื่อสารเพื่อสืบทอดและต่อยอดวัฒนธรรมชุมชนได้อย่างน่าสนใจว่า เป็นพลังที่สามารถสรรสร้างให้โลกไปในทิศทางที่ดีได้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์แยกแยะเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นในทุก ๆ ครั้งก่อนที่เราจะพูดหรือโพสต์สิ่งใดออกมาเราจำเป็นที่จะต้องคิดก่อนที่จะทำการสื่อสารในทุกครั้ง และหากสิ่งที่เราสื่อสารออกมานั้นสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้ก็นับได้ว่าสิ่งที่เราสมควรทำเพื่อสร้างสรรประโยชน์ให้แก่สังคมที่เราอาศัยอยู่นั่นเอง

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ