โนราจำเนียร คำหวาน: ลูกหนังร่าน หลานหนังเรื้อย เหลนหนังรอด

โนราจำเนียร คำหวาน

ลูกหนังร่าน หลานหนังเรื้อย เหลนหนังรอด

โนราเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีความเป็นพลวัตสูงมาก การศึกษาโนราจึงสามารถพลิกจับและคลี่มองกันได้หลายมิติ ล่าสุดรับชม Live : รายการขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว  ตั้งชื่อตอนว่า นาฏศิลป์ไทย ไม่อินเดีย “โนรา” ละครอยุธยาลงใต้ ออกอากาศเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 31 มีนาคม 2565 เวลา 20.00 น. ชื่อตอนเป็นทั้งข้อเสนอและสรุปอยู่ในตัวว่า “โนรา” เป็นละครอยุธยาที่แพร่กระจายลงมาสู่คาบสมุทร ในรายการอธิบายเพิ่มเติมว่ามีเพชรบุรีเป็นจุดพักและนครศรีธรรมราชเป็นจุดหมาย สุจิตต์ วงศ์เทศ เกริ่นนำข้อเสนอเหล่านั้นว่าอภิปรายกันบน “หลักฐาน” ไม่ใช่ “ความรู้สึก” ในขณะที่เอกภัทร์ เชิดธรรมธร ผู้ดำเนินรายการกล่าวเชื้อเชิญให้ “เปิดใจรับฟัง” คล้ายกับว่าทั้งสองท่านอาจจะเคยได้ยินได้ฟังเสียงที่แตกต่างในประเด็นเดียวกันนี้มาบ้างแล้ว (สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/KhanchaiSujit/videos/5306028399427586 )
.
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยได้เสวนากับหนังกุ้ง พงศธร ว่าด้วยเรื่องราวของโนราจำเนียร คำหวาน ผู้เป็นทั้งครูโนราและครูหนังตะลุงอาวุโสของเมืองนครศรีธรรมราช ขณะนี้อายุ 83 ปี มาลงเอยกันที่บทความที่อาจารย์บุญเสริม แก้วพรหม ท่านโพสต์ไว้เมื่อสองสามปีก่อน จึงขออนุญาตคัดมาไว้เพื่อเผยแพร่สมทบภาพที่ได้โพสต์ผ่านเพจไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนี้ (ในนี้ แม้ความจะออกไปยืนเล่าที่ข้างหนังเป็นหลัก แต่ก็สะท้อนลักษณะบางประการของโนราและหนังลุงให้มองต่อได้ดี จึงขอคงต้นฉบับไว้ทั้งความ ตัวอักษร และตัวเลข)
.

หนังจำเนียร เล่าว่า…

.
หนังจำเนียร คำหวาน ศิลปินหนังตะลุงต้นแบบอาวุโส วัย ๘๐ ปี (๒๕๖๒) เล่าถึงต้นเค้าสายตระกูลศิลปินโนรา-หนังลุงว่า…
.

“หนังรอด”

เป็นทวดของหนังจำเนียร มีภรรยา ๒ คน คนแรกจำไม่ได้ คนที่สองชื่อ ทุ่ม (ทวดหญิงของหนังจำเนียร)
หนังรอดบ้านอยู่ที่ทุ่งนาลาน ทางตะวันออกของวัดด่าน (วัดสโมสร) ตำบลหัวตะพาน อำเภอท่าศาลา
หนังรอดมีลูก ๔ คน คือ หนังจาบ หนังเรื้อย หนังริ่น และหนังเริ่ม (หนังเริ่มเป็นหนังหญิงที่ฝึกเล่นหนังได้แต่ไม่ได้ออกโรงแสดงทั่วไป)
.

“หนังจาบ”

ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีลูกชายเป็นหนังคนหนึ่งชื่อ หนังรุ่น
.

“หนังเรื้อย”

เป็นปู่ของหนังจำเนียร ฝึกเล่นหนังกับหนังทองมี ซึ่งอยู่ที่บ้านข้างวัดขุนโขลง ตำบลหัวตะพาน อำเภอท่าศาลา
หนังเรื้อยมีภรรยาหลายคน มีลูกหลายคน เป็นหนังตะลุงและโนรา ได้แก่ หนังร่าน หนังรุ่ม หนังชุ่ม โนราถนอม หนังดอกไม้ โนราปลีก โนราอิ่ม โนรารอบ โนราจำรัส หนังนุกูล
หนังเรื้อยแสดงทั้งหนังตะลุงและโนราควบคู่กันไป
.

“หนังริ่น”

เป็นตาของหนังจำเนียร นอกจากแสดงหนังแล้ว ยังมีความสามารถในการตัดรูปหนังด้วย
หนังริ่นมีลูกหญิงเป็นยิ่เกป่าและโนรา ได้แก่ ยี่เกเปลี่ยว โนราเวด โนราวาด โนราสายชล
หนังริ่นมีลูกศิษย์หนังตะลุงหลายคน เช่น หนังขำ หนังจวน (เพลงบอกจวน จะนะดิษฐ์ บ้านทุ่งชน หัวตะพาน)
.

“หนังร่าน”

เป็นพ่อของหนังจำเนียร มีลูกคนเดียวคือ หนังจำเนียร หนังร่านเป็นทั้งหนังตะลุงและโนรา
.

“หนังจำเนียร”

อยู่กับปู่ (หนังเรื้อย) มาตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนมาไหนก็ขี่คอปู่ไป หนังเรื้อยไปแสดงที่ไหนก็พาหลานรัก (หนังจำเนียร) ไปด้วย และถ่ายทอดวิชาหนัง-โนราให้หลานรักมาตลอดเวลาที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน หลานรักอยู่บนคอปู่่ ปู่ก็พาเดินและฝึกให้ขับบทกลอนไปด้วย หนังเรื้อยแสดงหนังบนโรง หลานรักก็นอนซุกตัวหลับอยู่ข้างๆปู่ เป็นอย่างนี้จนซึมซับซาบซึ้งอยู่ในวิถี

เรียนหนังสือ

หนังจำเนียร เรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนวัดด่าน (วัดสโมสร) ข้างบ้าน เริ่มแสดงโนราก่อน เพราะปู่ยังไม่ให้เล่นหนัง บอกว่า “ให้โปตายก่อนแล้วมึงค่อยเล่นหนัง สี่ปีกะดัง” แต่หลานรักก็ไปแอบปู่ไปฝึกเล่นหนังกับคนข้างบ้านก่อนตั้งแต่อายุ ๑๒ ขวบ
ครั้นอายุ ๑๔ ปี ปู่ (หนังเรื้อย) เสียชีวิต จึงได้เริ่มแสดงหนังตะลุง โดยแสดงครั้งแรกที่วัดท่าสูง อำเภอท่าศาลา เพื่อเป็นมหรสพให้ชาวบ้านที่มาช่วยกันถากหญ้าในวัดได้ชม แสดงติดต่อกันหลายคืน ทั้งนี้โดยการอุปถัมภ์ของพ่อท่านคช (พระครูอาทรสังฆกิจ) เจ้าอาวาสวัดท่าสูง ตามที่หนังเรื้อยผู้เป็นปู่ได้ฝากฝังพ่อท่านคชไว้ให้ช่วยดูแลหลานด้วย

นางโนรา

เมื่อเริ่มต้นแสดงหนังนั้นไม่มีรูปหนังเป็นของตัวเอง ต้องยืมรูปหนังของหนังขำมาใช้ เป็นครั้งคราว
เรื่องที่แสดงในครั้งแรกๆนั้น เช่นเรื่อง “นางโนรา” (จำมาจากปู่-หนังเรื้อย) เรื่องสังข์ศิลป์ชัย เรื่องโคคาวี เรื่องแก้วหน้าม้า เรื่องโกมินทร์ เรื่องปลาบู่ทอง เป็นต้น ส่วนหนึ่งอาศัยเรื่องราวจาก “หนังสือวัดเกาะ” ที่พิมพ์จำหน่ายอยู่ในเวลานั้น
หลังจากที่แสดงหนังที่วัดท่าสูงอยู่ ๒-๓ ปี ต่อมาก็ได้ไปแสดงประจำที่โรงก๋งท่าศาลา ในช่วงประเพณีไหว้ก๋งประจำปี (ก่อนหน้านั้นหนังเรื้อย และหนังดอกไม้ แสดงมาก่อน) ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป เป็นไปตามคำสั่งของปู่หนังเรื้อยที่ว่า “สี่ปีกะดัง”
หนังจำเนียรแสดงหนังตะลุงที่โรงก๋งท่าศาลาเป็นประจำทุกปี แต่ละปีแสดงติดต่อกันทุกคืนเป็นเวลาแรมเดือน ใช้เวลาแสดงตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเที่ยงคืน ได้ค่าราดโรงตั้งแต่คืนละ ๓๕ บาท จนค่าราดโรงขึ้นเป็นหลายพันบาท ติดต่อกันเป็นเวลาร่วม ๔๐ ปี
ชื่อเสียงของหนังจำเนียรเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ครั้งที่โด่งดังที่สุดครั้งแรกๆก็คือ การประชันโรงและชนะหนังหมุนนุ้ย จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหนังรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงทั่วภาคใต้ แข่งขันกันที่วัดศรีทวี อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นอกนั้นก็คือการแสดงแข่งขันประชันโรงในงานเทศกาลเดือนสิบแทบทุกปี ที่ผู้จัดงานต้องรับหนังจำเนียรไปแสดงเพื่อดึงดูดผู้คนจากท่าศาลาให้ไปเที่ยวชมงาน
สำหรับผู้แต่งเรื่องหนังตะลุงให้หนังจำเนียรแสดงมีหลายคน เช่น ครูริ่น บัณฑิต ลุงข้ำ ชื่นชม ลุงเขียน บ้านหนองหว้า เป็นต้น
หนังจำเนียรมีลูก ๙ คน ลูกชายฝึกเล่นหนัง ๒ คน คือ “เณรหมู-สมรักษ์ และ เณรนก-จุลทอง” แต่ไม่ได้ยึดเป็นอาชีพ โดยลูกทุกคนเป็นโนรา และต้องทำพิธีไหว้ครูเป็นประจำ
.
เรื่องราวจากคำบอกเล่าของ “หนังจำเนียร คำหวาน” ยังไม่จบ ยังมีอีกมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากความทรงจำที่บอกเล่าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย..
ค่อยๆทยอยเก็บมาบอกเล่ากันไปเรื่อยๆนะครับ…
ลุงบุญเสริม
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
(เก็บความจากการตั้งวงเสวนากับหนังจำเนียร คำหวาน เมื่อ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เรือนสัมมนาในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม)
.
เมื่อวัฒนธรรมเป็นพื้นที่แห่งการช่วงชิงความหมายอย่างไม่รู้จบ
โนราจึงเป็นโนราทั้งในแบบที่โนราเป็น ต้องเป็น และจำเป็นต้องเป็น
สายธารเรื่องราวของโนราที่ทยอยไหลบ่าเข้าหากัน
เป็นผลให้เกิดการผนวกผสาน เรียงลำดับ และจัดกลุ่มองค์ความรู้
ที่สำคัญคือ โนราเป็นวัฒนธรรมที่ยังมีลมหายใจและผู้เป็นเจ้าของ
เจ้าของวัฒนธรรมโนรานับได้ตั้งแต่ตัวโนรา นักดนตรี เจ้าภาพ ผู้ชม
หรือไปกว้างสุดที่คนใต้ทั้งหมดก็ไม่น่าจะผิด
ไม่ว่าจะด้วยการผนวกตัวเองเข้าเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมฝ่ายบรรพชนหรืออย่างไรก็ตามแต่
เหล่านั้นทำให้โนราไม่เคยถูกตัดขาดออกจากวิถีชีวิตของผู้คนได้เลย
อีกจะเห็นได้ว่า บทบาทหน้าที่ของผู้ที่นิยามและถูกนิยามว่าเป็นโนรา
มักเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในกระบวนการเข้าใกล้ความรู้ว่าด้วยโนราอยู่เนือง ๆ
.
อย่างที่เกริ่นแล้วว่าโนรามีความเป็นพลวัตสูงในหลายมิติ ประกอบกับการเป็นวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตชีวาและผู้ร่วมเป็นเจ้าของ การสถาปนาความใดๆ ให้กับโนรา นอกจากเกิดส่วนได้ในวงนั้นๆ แล้ว ผลกลับกันที่จะมีต่อผู้ที่ถูกกีดออกนอกเกณฑ์ นอกย่าน นอกโยด เป็นสิ่งที่ควรต้องระแวงระวัง หรือไม่ก็ต้องจัดหาที่ทางและคำตอบไว้รองรับอย่างเหมาะสมฯ