Skip to content

หมอพื้นบ้าน สืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษ คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด หรือ (หมอจูน)

ในสถานการณ์ปัจจุบันเราเจอโรคร้ายที่เกิดขึ้นจากโรคระบาดโควิด-19 ทั่วทุกมุมโรคที่ทุกฝ่ายต่างต้องรับมือกันอย่างมากในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และเร็วๆนี้เอง แพทย์ทางเลือกอย่างแพทย์แผนไทยก็เข้ามามีบทบาทในการใช้สมุนไพรไทยในการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงเชิญหมอจูน ผู้ซึ่งมีองค์ความรู้เกี่ยวกับทางด้านสมุนไพร องค์รวมของธาตุในร่างกายของคน ที่สามารถรักษาผู้ป่วยจากโรคต่างๆ รวมถึงรักษาตัวเองจากโรคหัวใจให้หายได้ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยสมุนไพร

“คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด” หรือ (หมอจูน)

คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด หรือ (หมอจูน)

หมอจูน เป็นหมอพื้นบ้านที่ได้รับการสืบทอดภูมิปัญญาทางด้านสมุนไพร และมีความรู้จากการนวดของวัดโพธิ์ แต่เส้นทางชีวิตถูกลิขิตให้มาช่วยรักษาคนจากนิมิตรในฝัน ได้คาถามาจากในนิมิตรว่า

“โอม โรคามฤคตินทร์ ติโลกะนาถัง นะวะสังข์ คงคานัง อัคคีนัง เอวัง เจวัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ โพธินัง”

ซึ่งเป็นพลังคลื่นนวสังข์ โดยใช้ศาสตร์ที่ได้จากนิมิตรมาดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะดูจากวันเดือนปีเกิด ธาตุเกิดของเจ้าเรือนคือธาตุไหน ซึ่งธาตุของแต่ละคนจะถูกกำหนดโรคของแต่ละคนมาแล้ว คนส่วนใหญ่จะป่วยจากระบบเลือดในร่างกายของตัวเอง หมอจูนจึงนำศาสตร์นี้มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย

ธรรมชาติได้สร้างอาหารมาให้มนุษย์

            โดยหมอจูน ได้บอกไว้ว่า จริงๆแล้วธรรมชาติได้สร้างอาหารทางธรรมชาติมาให้มนุษย์แล้ว เพียงแต่มนุษย์ไม่นำมาใช้ให้ถูกต้อง ถ้าร่างกายได้รับสารอาหารที่ถูกกับธาตุ ถูกกับสภาพอากาศ ร่างกายของเราก็จะไม่ป่วย เพราะธรรมชาติจะให้ยาเอาไว้ทุกฤดู ซึ่งในแต่ละฤดูก็จะมีอาหารที่ออกมาเพื่อไว้คอยให้เราได้บริโภค

หมอจูนให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับอาหารธรรมชาติว่า

ทำไมฤดูฝน ผลไม้จะมีรสร้อน

ทำไมฤดูหนาวต้องกินอาหารรสร้อน

ทำไมหน้าแล้ง ให้ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม สัปปะรด แตงโม

มาใช้ในการรักษา นั่นคือ ธรรมชาติให้อาหารที่ครบหมดทุกอย่าง แต่คนไม่เลือกนำมาใช้ จึงทำให้คนเจ็บป่วยได้ง่ายเท่านั้นเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าปัญหาที่ทำให้คนป่วยคือเรื่องของระบบเลือด หมอจูนจึงเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโรคที่หมอจูนเป็น หมอจูนป่วยมาตั้งแต่กำเนิด เป็นโรคโลหิตจาง โรคทารัสซีเมียร์ และได้ทำการตรวจเช็คอย่างละเอียดปรากฏว่าหมอจูนเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และมีโรคเกี่ยวกับกระดูก จึงทำการรักษาตัวเอง เพราะถ้ายังรักษาตัวเองไม่ได้ หมอจูนก็คงรักษาคนอื่นไม่ได้เช่นกัน

ในระหว่างที่ทำการรักษาตัวเอง หมอจูนก็ได้ไปเรียนเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างกระดูก ศาสตร์เกาหลี เพื่อมาช่วยในการรักษาโรคกระดูกที่หมอจูนเป็น ก็ได้ทำการรักษาตัวเอง และในระหว่างการรักษาตัวเองก็ได้ทำการรักษาผู้ป่วยท่านอื่นๆด้วย รักษาผู้ป่วยอื่นมาตั้งแต่ปี 2545 เริ่มรักษาจากการนวด โดยเปิดตำรา ว่าโรคเป็นยังไง สาเหตุของโรคเป็นยังไง และการวิ่งของระบบเส้นเอ็น หรือเส้นประสาท เป็นยังไง ซึ่งระบบประสาท คือระบบพลังงานแห่งกายที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของพลังแสง เหมือนระบบหยิน หยาง ของจีน  คือระบบพลังงานไฟฟ้าแห่งกายและก็คือระบบประสาท และเมื่ออายุหมอจูนมากขึ้นในช่วงวัยเกษียณก็เลิกรักษาด้วยการนวด เพราะด้วยร่างกายและอายุที่มากขึ้น เลยหันมาศึกษาพัฒนาเกี่ยวกับสมุนไพรแทน เพื่อที่จะผลิต ผลิตภัณฑ์ ออกมาช่วยผู้ป่วยเพื่อบรรเทาอาการและถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อที่จะได้สามารถดูแลรักษาตัวเองได้เบื้องต้น

อย่างเช่น อาการปวดเมื่อยร่างกาย เป็นการบ่งบอกว่าร่างกายป่วยแล้ว ทำงานเยอะจนร่างกายเกร็งก็ไปบีบหลอดเลือดให้ลีบลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อเรานวดกระจายกล้ามเนื้อ เลือดก็จะไหลเวียนได้สะดวก อย่างที่คนโบราณกล่าว เลือดลมดี สุขภาพดี ลมเป็นตัวพัดพาเลือดไปเลี้ยงในร่างกาย จึงต้องพยายามถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้น และปรับในเรื่องการทานอาหาร ถ้ากรณีที่ระบบย่อยอาหารไม่ได้ ต้องไม่ทานข้าวหลัง 4 โมงเย็น เพราะเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ธาตุไฟไม่ทำงานแล้ว ธาตุน้ำจะเริ่มทำงานแทน โดยพระอาทิตย์ธาตุไฟทำงานกลางวัน พระจันทร์ธาตุน้ำทำงานกลางคืน เพราะฉะนั้นพระจันทร์จะซ่อมแซม ถ้าไปทานอาหารตอนกลางคืนแล้วนอน ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซม แต่อาหารที่ทานเข้าไปเกิดการหมักดอง ของเชื้อโรค อาหารก็จะเน่าเสียทันที ยิ่งตอนเช้าไม่ได้ถ่ายด้วย ร่างกายก็จะดึงของเสียนั้นไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้เป็นโรคเซลล์เสื่อมโดยส่วนใหญ่ เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน มาจากโรคเซลล์เสื่อม เกิดการอักเสบ ร่างกายเราจะทำงานได้ดีแค่บ่าย 2 โมง ร่างกายจะมีนาฬิกาซ่อมแซม ซึ่งสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ถ้าเราทานอาหารครบอย่างที่ธรรมชาติกำหนดไว้ให้

การรักษาในแบบของแพทย์แผนไทยถ้าเรามองให้ดีมันมีเสน่ห์ของการรักษาในศาสตร์ที่เชื่อมโยงกันไปมาที่มากกว่าการแพทย์ซึ่งได้แก่

-ศาสตร์ทางพุทธศาสนา

-ศาสตร์ทางโหรศาสตร์

-ศาสตร์ทางพฤกษศาสตร์

-ศาสตร์ทางความเชื่อ

            ศาสตร์ทั้งหมดที่กล่าวมา ทางหมอจูนได้นำไปใช้รักษากับชาวห้วยปริก ในเคสล่าสุดที่ผ่านมาคือเส้นเลือดแกนสมองปริ ในทางแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าไม่น่ารอด แต่ถ้าจะให้หมอจูนรักษาต้องเชื่อในสิ่งที่หมอจูนบอก โดยวิธีการรักษาถามวัน เดือน ปี เกิด อารมณ์ ธาตุต่างๆในร่างกาย โดยหมอจูนได้ให้ทานยาบำรุงโลหิต ยาบำรุงเส้นเอ็น และอวัยวะพิเศษ และใช้วิธีการนวดกระตุ้นเพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียนได้เร็วที่สุด เพราะเซลล์เม็ดเลือดมีอายุได้เพียง 120 วัน และถ้าเราเปลี่ยนถ่ายเซลล์เม็ดเลือดได้ภายใน 3 เดือนก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ยกเว้นคนนั้นเป็นโรคกรรมยางหนัก คือโรคที่เราไม่สามารถไปแก้กรรมเค้าได้

ซึ่งในการรักษาโรคต่างๆ หมอจูนได้นำศาสตร์ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยมาทำการประยุกต์เข้ารักษา เพราะ “การรักษาแผนโบราณจะรักษาได้แค่เรื่องธาตุ ปรับสมดุลธาตุ แต่ในเรื่องของทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่ป่วยแบบกะทันหัน หรือติดเชื้อ ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอแพทย์แผนไทยไม่สามารถรักษาได้ ในขณะนั้น และหลังจากที่ได้รักษาแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว และต้องการมาฟื้นฟูเซลล์ เพื่อสุขภาพ เราต้องใช้ธรรมชาติในการบำบัด เพราะวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบำบัดธาตุได้ทั้งหมด”

การรักษาของหมอจูนแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ

1.การรักษาด้วยวิธีทานยาต้ม อันนี้จะใช้รักษากับคนที่เป็นโรคเซลล์เสื่อม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน กลุ่มนี้จะนวดเยอะไม่ได้จะนวดได้แค่เพื่อสุขภาพ จึงต้องใช้ยาสมุนไพรเข้ามาช่วย

2.การรักษาโดยวิธีการนวด เช่น คนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้วิธีทั้งนวด และต้มยาสมุนไพรให้ทาน ถึงจะสามารถช่วยให้หายได้

นอกจากการรักษาทางแพทย์แผนไทยแล้ว ความเชื่อก็มีส่วนในการรักษาด้วยเช่นกัน เพราะการป่วยบางครั้งไม่ได้ป่วยจากโรคในกาย แต่เป็นการป่วยทางด้านจิตวิญญาณก็มี  ดังนั้นเมื่อจะรักษาเราต้องแก้ความเชื่อให้ได้ก่อน ซึ่งความเชื่อทางด้านนี้มีมากถึง 60-70%

เมื่อเราอ่านธรรมชาติให้ออก เราก็จะอ่านอาการเจ็บป่วยไม่สบายของเราได้ ต้องสังเกตตัวเองว่าธาตุเราคืออะไร ปรับสมดุลธาตุได้ไหม และการนั่งสมาธิสามารถก็สามารถช่วยรักษาโรคได้ โดยการกำหนดจิตในการหายใจลงไปยังที่สะดือให้ถูกต้อง คุณก็สามารถรักษาอาการของคุณได้

และในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดโรคโควิด หมอจูนได้แนะนำยาแพทย์แผนไทนที่ควรทาน เพื่อป้องกัน หรือช่วยบรรเทาอาการนั้น ปกติจะเป็นยาสามัญประจำบ้าน คือเบญจรงค์ กับวิเชียร หรือยา 5 ราก จะเป็นยาแก้ไข้พิษ ไข้กาล และยาจันทลีลา หรือใช้หญ้าน้ำนมราชสีห์ สำหรับเวลามีไข้มากๆ ซึ่งสามารถช่วยรักษาต่อมทอลซินอักเสบได้ด้วย

ในการพูดคุยวันนี้ หมอจูนเป็นหมอพื้นบ้านที่ต้องบอกว่า นำศาสตร์ในตำนานโบราณ ที่อ่านแล้วไม่ได้เชื่อไปตามนั้นแต่เป็นการอ่านแล้วนำมาสังเคราะห์ วิเคราะห์ เอามาเชิงเปรียบเทียบกับในด้านวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ทำให้หมอจูนสามารถรักษาตัวเองผ่านพ้นวิกฤตทางด้านร่างกายมาได้ และนำองค์ความรู้ที่ได้ศึกษามา มาแบ่งปันและช่วยรักษาผู้ป่วยให้กับชาวห้วยปริก และคนนครฯ