ภาษาช้างกลาง
ความหมายและคุณค่า
ของท้องถิ่นนครศรีธรรมราช
โดย วรรณดี สรรพจิต
ภาษาเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่แสดงอัตลักษณ์ของคนแต่ละท้องถิ่น ซึ่งใช้แตกต่างกันไป บางคำใช้พูดเป็นสื่อให้เข้าใจกันระหว่างหมู่คณะ บางคำใช้พูดและเข้าใจกันเฉพาะในถิ่นหนึ่ง ๆ เท่านั้น สำเนียงใต้ของชาวช้างกลางก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสำเนียงใต้ของคนอำเภออื่นในจังหวัดนครศรีธรรมราชเท่าใดนัก แต่ก็ถือได้ว่าอำเภอช้างกลางร่ำรวยทางภาษามาก ทั้งนี้เพราะในอดีตมีชนต่างชาติซึ่งส่วนมากเป็นคนจีนได้เข้ามาค้าขายทางน้ำ ได้นำภาษาจีนและมะลายูเข้ามาด้วย ประกอบกับในช่วงต่อมามีชาวปากพนัง หัวไทร เชียรใหญ่ย้ายถิ่นมาอยู่ร่วมมากที่สุด ได้นำเอาสำเนียงภาษาในถิ่นเดิมมาใช้ผสมกับสำเนียงของคนในถิ่น และที่สำคัญยังได้สมรสกันระหว่างคนต่างถิ่นด้วย ก่อให้เกิดภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ชองชาวช้างกลางโดยเฉพาะ ดังจะยกตัวอย่าง
.
คำที่แปลว่า “ตาย”
คำนี้ท้องถิ่นอื่นมีไม่มาก แต่ที่อำเภอช้างกลางมีมากมายได้แก่ “พลิกอีตุก, พลิกตุก, เพล้ง, แพล็ด,ปัดซิเหนียงเกียงกล้อง,ม่องเท่ง,ดับเกียง,เหมี่ยง, ปับปะชิค๊อง, พระยิ้ม (มักใช้พูดล้อเลียนกับคนที่ไม่ควรขึ้นต้นไม้ เช่น คนชราว่า เดี๋ยวตกลงมาพระยิ้มแหละ นั่นหมายถึงตายพระได้สวด)
.
คำที่แปลว่า “หมด”
พวกเราพูดกันหลายคำ เช่นว่า แหม็ด, เกลี้ยงแผ็ก, แวววับ แหม็ดฉ๊าดคือหมดไม่เหลือ
.
คำที่หมายถึง ยุยง, แหย่, แยง,แทง, ทิ่ม, ยุให้รำตำให้รั่ว พูดให้สองฝ่ายทะเลาะกัน
คนช้างกลางพูดคำเดียวว่า “ยอน” เช่นประโยคว่า “แกอย่ายอนให้เขาแตกกัน” นั่นหมายความว่า อย่ายุยง แต่ถ้าพูดว่า “วันนี้ไปยอนบึ้ง” หมายถึงว่า ไปแยงในรูของตัวบึ้งเพื่อดึงไข่บึ้งมากิน (บึ้งคือแมงมุมชนิดหนึ่งที่ชื่อ ทารันทูล่า ภาษาไทยเรียกว่า บึ้ง ตัวโตมาก เป็นสัตว์มีพิษ แต่ไม่ร้ายแรงนัก ยกเว้นคนแพ้พิษมีมากในอำเภอช้างกลาง )
.
คำที่หมายถึง “สวยมาก”
เช่น “เฉ้งวับ สวยเฉ้ง”
.
คำนามที่ไม่ค่อยมีพูดในท้องถิ่นอื่น เช่น
“นายหมรูน” (อ่านว่า หมฺรูน)
คือคนที่ขึ้นไปตีผึ้งบนต้นไม้ หรือหน้าผา เรียกว่า นายหมรูน
.
“ม็อง”
คือคบเพลิงที่ทำด้วยต้นลังตังช้าง(ตะรังตังช้างเป็นภาษามลายู) สำหรับใช้ควันไล่ตัวผึ้งออกจากรัง
.
“โคร๊ะ”
คือภาชนะใส่รังผึ้ง
.
“ไม้ตรี”
คือไม้กวาดตัวผึ้งและใช้สำหรับแซะรังผึ้ง
.
“ชะนั่งได้”
คือเครื่องมือดักปลาที่ด้านในมีเงี่ยงดัก ปลาเข้าแล้วออกไม่ได้
.
“หนะหวายพวน”
คือส่วนที่เป็นหนามยาวของหวายพวน บางเส้นยาวถึง ๒ เมตร เป็นหนามแหลมทวนทางปลาย ถ้าแหย่เข้าไป เวลาดึงออกตัว “หนะหวาย” จะกระชากสิ่งกีดขวางขาดกระจุยได้ หวายพวนเป็นหวายป่าขนาดใหญ่และยาวมาก ในเพลงยาวเรื่องโองการขับผีของนายเอียด สันตจิต ใช้ “หนะหวายพวนขับผี” ตอนหนึ่งว่า “….กูจะคุ้ย กูจะควัก กูจะชักเอาหัวใจ แล้วเอาหนะหวายพวนเส้นใหญ่ยอนเข้าไปในปาก กูจะชากเอาลิ้น กูจะกินเอาตับ กูจะสับเอาฟัน….”
.
“เหล็กดอกบอน”
คือเครื่องมือเจาะฝีมือภูมิปัญญาท้องถิ่น
.
“ขวานถาจีน”
ขวานของพวกคนจีนที่ใช้สับกระดูกชิ้นใหญ่ของวัว ควาย หมูที่แล่เนื้อแล้ว
.
“เอ็นหมายุก”
คือเอ็นร้อยหวาย หลังข้อเท้า
.
“เฌอ”
ภาชนะใส่ของหนัก
.
“แสก”
คือ สาแหรกที่ทำจากหวาย มี ๔ สาย ด้านบนรวบปลายหวายเป็นหูสำหรับสอดไม้คาน ด้านล่างขัดกันเป็นสี่เหลี่ยมสำหรับวางกระจาด มี ๒ ชุด เพื่อให้สมดุลย์เวลาหาบหาม
.
“ม่า”
ภาชนะใช้ตักน้ำจากบ่อซึ่งทำด้วยกาบหมาก มาจากคำว่า “ทิม่า”ในภาษามลายู เดี๋ยวนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว
.
“ตูด”
เครื่องมือเป่าที่ทำด้วยเขาควาย ใช้สำหรับเป่าเป็นสัญญาณบอกเวลา หรือเหตุการณ์ต่าง ๆบ่งหมายให้มาร่วมประชุม เวลาเป่าจะออกเสียง ปูด ๆ ดังกังวานออกไปไกล
.
“ครกบด”
เครื่องมือสำหรับโม่แป้ง ทำด้วยหินหรือปูนซีเมนต์ รูปทรงกลม ฐานข้างมีรางโดยรอบ ฝาบนเจาะเป็นรูใส่ไม้แขนไว้เพื่อใช้จับขณะบด ครกบดโดยทั่วไปมีขนาด ฐานครกประมาณ ๑.๕ – ๕.๕ ฟุต
.
“ลูกประ”
หรือลูกกระเกิดจากไม้ประ นำมาแปรรูปเป็นลูกประดอง ลูกประคั่ว เคยลูกประ มีมากที่เทือกเขาเหมน เขาหลวง รสออกหวานมันอร่อยลิ้น
.
“ไม้ตราด”
คือไม้กวาดที่ทำจากไม้ไผ่แก่จัด ตัดยาว ๒ เมตร ด้านโคนผ่าเป็นซีกเล็ก ๆ แล้วกรองด้วยหวาย ใช้สำหรับกวาดใบไม้ ใบหญ้า
.
“กุนหยี” คือดอกบานมิรู้โรย มาจากภาษามะลายูในคำว่า “เบอระกุนี”
ส่วนคำนามที่มาจากภาษาจีนก็มี โกปี้ เล่าเต้ง โอยั๊วะ ฯลฯ ที่มาจากภาษามลายู ได้แก่ ลังตัง ภาษามลายูว่า “ตะรังตัง” มี ๓ ชนิด คือลังตังไก่ ลังตังกวาง ลังตังช้าง
.
“มะม่วงหิมพานต์”
ที่นี่พูดได้หลายคำ เช่นว่า เม็ดท้ายล่อ, ย่าหมู,ย่าโห้ย, ยาร่วง,เม็ดม่องล่อ
.
ส่วนที่มาจากภาษาเขมร ก็มี เช่นชื่อปี ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก กา จอ กุน ชาวช้างกลางเรียกชื่อ ชวด หลู ขาล โถง โรง สิง เมีย แม วอก กา จอ กุน
.
คำกริยาที่ใช้พูดเฉพาะในถิ่น ตัวอย่างได้แก่
“สีน”
คือ ตัด หรือ หั่น เป็นชิ้น เช่นประโยคว่า “กูจะสีนด้วยมีดโต้” หรือบทโนราโกลนที่ว่า “ นั่ง ๆ ผันหน้าไปปลากออก แกงคั่วรอกสับให้เนียน ตัดตีนสีนเศียรผ่าหลอดท้าย เอาใส้โยน”
.
“กาศ”
คำกล่าวประกาศ อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์
.
“แหม็ด”
คือ กด หรือหยิก เช่น “ฉันจะแหม็ดแกให้เจ็บจนตาย”
.
“แหม๊ด”
หมดเกลี้ยงไม่เหลือ เช่น “แกงนี้หรอยเกินกินจนแหม๊ดฉาด”
.
“ขบ”
กัด
.
“สี”
ทา หรือขยี้
.
“ชังกั้ง”
คำพูดแผลง ๆ เรียกว่าพูดชังกั้ง
.
“ล้มยักหาย”
คือล้มหงายหลัง
.
“น้ำพ่ะ”
ฝนตกติดต่อกันนาน ๆ จนน้ำนองตลิ่ง เรียกว่า “น้ำพ่ะ” คำนี้มาเพี้ยนมาจากภาษามลายูว่า ““เบอรฺพะ”
.
คำพูดแสดงคุณลักษณะ เรามักใช้คำพูดของชาวกะเหรี่ยงเข้าประกอบ เช่น
“จั๊วะ”
ขาว เรามักพูดว่าขาวจั๊วะ คำว่าจั๊วะ เป็นภาษากะเหรี่ยง
.
“ปื๊ด”
ดำ คือดำปื๊ด
.
“แจ๊ด”
แดง
.
“จ๋อย”
คือสี เหลือง
.
“ปื๋อ”
คือสีเขียว
.
“ปี๋”
คือเค็ม ถ้าพูดว่าเค็มปี๋ หมายถึงเค็มมาก
ห้าคำนี้ที่จริงเป็นภาษากะเหรี่ยง ใช้พูดกันทุกภาค ชาวช้างกลางนำมาใช้พูดด้วย เพื่อเป็นการเน้นในลักษณะนั้น ๆ เช่น แดงแจ๊ด เหลืองจ๋อย เค็มปี๋ฯลฯ เป็นต้น
.
นอกจากตัวอย่างที่ยกมาแสดงนี้แล้ว
ยังมีคำอื่น ๆ อีกมากมายที่ใช้พูด
ซึ่งสามารถประมวลเป็นพจนานุกรมภาษาถิ่นช้างกลางได้