ผศ.สุพัฒน์ นาคเสน สืบสาน ถ่ายทอด โนรามรดกโลกทางวัฒนธรรม คนต้นแบบเมืองนคร
เมื่อไม่นานมานี้ทางองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “โนรา” หรือ “มโนราห์” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านของภาคใต้ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ การสืบทอดโนราที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้เกิดคำถามว่า ต่อจากนี้อนาคตของโนราจะไปในทิศทางใด คนต้นแบบเมืองนครท่านนี้เป็นหนึ่งในบุคคลที่เข้าใจถึงแก่นแท้ของโนรา เป็นผู้ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ดั้งเดิมสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ผศ.สุพัฒน์ นาคเสน สืบสาน ถ่ายทอด โนรามรดกโลกทางวัฒนธรรม
จากความชื่นชอบทางด้านนาฏศิลป์ สู่ศิลปะการแสดงโนรา
ผศ.สุพัฒน์ หรือที่ลูกศิษย์เรียกกันว่า “ครูพัฒน์” เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโนราสมัยเรียนอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช ซึ่งครูพัฒน์มีความชื่นชอบทางด้านนาฏศิลป์อยู่แล้ว และมีโอกาสฝึกการร่ายรำโขนหลังจากเรียนจบได้เป็นครูสอนอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ ในตอนนั้นครูพัฒน์ต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเทริดมโนราห์เพิ่มเติม (เครื่องสวมศีรษะ ซึ่งศิลปินโนราถือว่าเทริดเป็นของสูง เป็นสัญลักษณ์ของครู) จึงได้ไปขอความรู้จากครูโนราท่านหนึ่ง ในตอนนั้นครูพัฒน์มองว่า คนที่จะมาสืบทอดศิลปะการแสดงมโนราห์นั้นมีจำนวนน้อยมาก จึงเกิดความคิดที่อยากจะศึกษาอย่างจริงจัง จากนั้นครูพัฒน์มีโอกาสได้ไปทำงานที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จัดอบรมเกี่ยวกับนาฏศิลป์ตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา หลังจากสอบบรรจุเข้ารับราชการครูได้ ครูพัฒน์หันมาสนใจโนราอีกครั้ง หาประสบการณ์โดยการฝึกร่ายรำกับครูโนราที่มีชื่อเสียงหลายท่าน จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำวิทยานิพน์เรื่อง “โนรา : รำเฆี่ยนพราย-เหยียบลูกมะนาว” เป็นการรำประกอบพิธีกรรมของโนราที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ การรำชุดนี้ต้องแสดงโดยนายโรงโนรา และแสดงเฉพาะในการประชันโรงเท่านั้น ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก ครูพัฒน์ทำการวิจัยโดยศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ และฝึกร่ายรำกับนายโรงโนราผู้ทรงคุณวุฒิด้านโนราหลายท่าน ทางครูพัฒน์เองได้ผ่านการประกอบพิธีกรรมครอบเทริด และผูกผ้าใหญ่อย่างถูกต้อง ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช เพื่อต้องการสืบทอดการรำอันศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้เป็นสมบัติของโนราสืบไป
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโนรา สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ
ครูพัฒน์ให้ความเห็นว่า โนราเปรียบเหมือนแหล่งรวมองค์ความรู้ทางศิลปะอันหลากหลาย สามารถพิจารณาได้หลายประเด็น เช่น
- โนราเป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสาร โดยใช้ร่างกายเพื่อแสดงการร่ายรำ ซึ่งการร่ายรำก็สามารถเจาะลึกลงไปได้อีกว่า จะรำอย่างไรให้ท่วงท่าดูสวยงาม ซึ่งต้องอาศัยสมาธิ มีจังหวะที่สม่ำเสมอ รู้จักวิธีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างถูกต้อง
- โนราเป็นสัญลักษณ์ของดนตรี ความงาม ความไพเราะ ความเหมาะสมของจังหวะที่สอดคล้องกับเครื่องดนตรี การบรรเลงท่วงทำนองมีทั้งจังหวะช้าและเร็ว เมื่อฟังแล้วเกิดความรู้สึกไปตามจังหวะเพลง
- โนราเป็นสัญลักษณ์ของวรรณศิลป์ บทกวี ภาษากลอน มีการร้องขับบทเป็นกลอนสด ซึ่งต้องอาศัยทักษะการเปล่งเสียงให้มีความไพเราะ ใช้เสียงอย่างเหมาะสมตามบทกลอน ซึ่งกลอนโนรามีหลายรูปแบบ
- โนราเป็นสัญลักษณ์ของหัตถศิลป์ ชุดโนราประกอบด้วยงานศิลป์หลายแขนงที่มีความประณีต เช่น “เทริดโนรา” มีโครงสร้างทำด้วยโลหะ ทองเหลือง หรือไม้ไผ่สาน ตกแต่งรายละเอียดด้วยการปั้นรักติดเป็นลวดลาย ลงรักปิดทอง ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีหรือวัสดุอื่นที่เหมาะสม “เครื่องทรงโนรา” หรืออีกชื่อว่า เครื่องลูกปัดโนรา เครื่องแต่งกายของโนราที่มีการนำลูกปัดหลากสีสันมาร้อยเรียงกันเป็นลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม
สติ สมาธิ และธรรมะ กับโนรา
ความเข้าใจของคนทั่วไปมักมองว่า โนราเป็นหนึ่งในศิลปะเพื่อความบันเทิง หากศึกษาให้ลึกถึงแก่นจะพบว่า ภายใต้ท่วงท่าการร่ายรำที่งดงามและบทร้องอันไพเราะนั้น โนราถือเป็นลักษณะทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่มีรากฐานจากความเชื่อ ได้เข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คนทางภาคใต้ โดยเฉพาะการเจ็บป่วยที่มีการรักษาเยียวยาผ่านขั้นตอนของพิธีกรรม ครูพัฒน์ เล่าว่า โนรานั้นคู่กับการพิธีกรรม ซึ่งการทำพิธีกรรมต้องมีสมาธิจึงจะเกิดผล แต่ให้ระลึกเสมอว่า เราไม่ได้ทำด้วยพลังของเราเอง แต่เราเป็นเพียงสื่อกลางที่เชิญพลังของครูหมอโนรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ เพื่อรักษาเยียวยาอาการเจ็บป่วยที่มีลักษณะตามความเชื่อ เมื่อจิตเราสงบ มีสติ สมาธิ ก็จะเกิดการระลึกถึงครูบาอาจารย์ เกิดเป็นพลังในการประกอบพิธีกรรม ซึ่งการรักษาต้องใช้ประสาทสัมผัสหลายส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะท่วงทำนองที่กำลังดำเนินไป ส่วนของธรรมะกับโนรา ในอดีตมีความเชื่อว่าโนราสามารถติดต่อกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติได้ โดยผ่านพิธีกรรมบวงทรวง มีการสอดแทรกคำสอนต่างๆ เช่น พระคุณพ่อแม่ พระคุณครู การครองเรือน ปรัชญาการใช้ชีวิต เป็นต้น ผ่านบทกลอนที่ขับร้อง ซึ่งคนที่จะมาเป็นโนราได้ต้องมีความศรัทธาในตัวครูโนราทั้งครูที่มีชีวิตอยู่และครูบรรพชน
“โนรา” มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
ในอดีต โนรา เปรียบเหมือนสื่อในการบอกเล่า ถ่ายทอด เรื่องราวต่างๆ คนที่เป็นโนราต้องเรียนรู้ในเรื่องของธรรมะและพิธีกรรม ต้องเป็นคนที่น่าเคารพ เป็นที่ศรัทธาของผู้อื่น ในส่วนของศิลปะการแสดง ครูพัฒน์ เล่าว่า โนราประกอบด้วยตัวละครหลัก 3 คน คือ นายโรง (โนราใหญ่) นางรำ และตัวตลก (นายพราน) เมื่อดูจากชื่อเรียกแล้ว หลายคนมักเข้าใจผิด อย่าง “นางรำ” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง นางรำผู้หญิง แต่เป็นตัวละครที่มีลำดับรองลงมาจากนายโรง สามารถจำแนกตัวละครโดยดูได้จากเครื่องแต่งกาย ซึ่งโนรามีการพัฒนารูปแบบการแสดงตามยุคสมัย ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สั่งสมมาเรื่อยๆ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม ทำให้ต้องย้อนกลับมาถามว่า ทุกวันนี้โนรามีความสำคัญกับชีวิตผู้คนและสังคมอย่างไร สามารถนำไปประกอบวิชาชีพในรูปแบบใด
ในอนาคต ครูพัฒน์ให้ความเห็นว่า การที่โนราได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่จะอนุรักษ์ไว้อย่างไร ใครจะเป็นผู้รักษาไว้ คงเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับอนาคต ซึ่งศิลปินโนรานั้นมีส่วนสำคัญต่อหน้าที่นี้ ต้องตระหนักและรู้คุณค่าในสิ่งที่ทำ ส่วนนักวิชาการเองก็ต้องให้ความสำคัญกับมรดกภูมิปัญญานี้เช่นกัน ต้องถ่ายทอดข้อมูลให้ผู้อื่นรับรู้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง สิ่งที่ครูพัฒน์กังวลคือ ความงดงามของโนราเริ่มลดลง ในขณะที่ความสนุกสนานเพิ่มขึ้น ครูพัฒน์มักจะนำคำสอนของครูที่ท่านเคารพนับถือนั่นคือ โนรายก ชูบัว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (โนรา) ประจำปี 2530 ถ่ายทอดต่อไปยังลูกศิษย์ ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของโนรา รู้ถึงที่มาที่ไปอย่างเป็นเหตุเป็นผลนั่นเอง
การอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไปไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของชุมชนโนราทุกคนตั้งแต่ คนดู คนรักโนรา คนที่รู้เรื่องโนรา ผู้สนับสนุนโนรา ในการช่วยกันรักษาแก่นแท้ คงรูปแบบดั้งเดิมไว้ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์เพื่อความอยู่รอด
ชมรายการ Live สด “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่
*****************************************
ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ