วัดเจ้านคร ที่ไปอยู่ถึงเมืองสงขลา

วัดเจ้านคร
ที่ไปอยู่ถึงเมืองสงขลา

ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่แวะเข้ามา
แต่ความรู้สึกยังเหมือนครั้งก่อนนั้น
คือไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่าเดิม

.

คำว่า “เจ้านคร” นี้ ทำให้ปฏิเสธได้ยากว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเมืองนคร และพระองค์เดียวที่มีสถานะเป็นเจ้าในยุคที่ยังคงตกค้างชื่อเรียกว่าอย่างนั้นอยู่ก็ได้แก่ “พระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรค์ พระเจ้านครศรีธรรมราช” ผู้ผ่านฟ้าเมืองนครในสมัยกรุงธนบุรี

.

เรื่องพระเจ้านครศรีธรรมราชนี้เป็นที่น่าค้นคว้าและสนใจอยู่มาก จนถึงกับได้ตั้งชื่อหนังสือไว้ตามพระนามนั้น แต่ก็ยังหากำหนดคลอดไม่ได้ ด้วยค้างมืออยู่หลายสิ่ง กับดูเหมือนว่าต้องตั้งหลักหาเอกสารอีกหลายฉบับ

.

วัดเจ้านคร

วัดเจ้านครนี้ ว่ากันว่าเจ้านครทรงสร้างเมื่อครั้งถูกตามตัวจากปัตตานีให้ขึ้นมาเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ขณะนั้นทรงประทับอยู่ที่พลับพลาตำบลแหลมสน มีกำหนด ๑ เดือนก่อนเสด็จนิวัต เจ้านครเห็นว่าการที่ทรงพระกรุณาให้พ้นราชภัยในครั้งนั้นเป็นบุญแก่ตัวและวงศ์วาน จึงได้อุทิศถวายสร้างวัดแห่งนี้ไว้เป็นอนุสรณ์

.

เดี๋ยวนี้เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ริมถนนท่าช้าง – อ่างเก็บน้ำกระเสียว หมู่ที่ ๖ ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มีพระอธิการสมชาย สุจิตโต เป็นเจ้าอาวาส

.

ภายในรั้วรอบขอบชิด มีพระอุโบสถหลังหนึ่งตั้งอยู่บนลูกควน เพิ่งผ่านงานผูกพัทธสีมาไปเมื่อ ๘ – ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่ชานควนมีศาลาไม้หลังงาม คงเป็นสถานเก่าสุดในบรรดามี ข้างกันมีโรงธรรมถือปูนใต้ร่มไม้ กับหอบูรพาจารย์ มีสมเด็จเจ้าพะโคะเป็นประธาน พ่อท่านคล้าย สมเด็จฯ โต พระครูวิจารณ์ศาสนกิจ (เลื่อน ปานังกะโร) และตาปะขาวชีหนึ่ง ตีนควนเป็นสังฆาวาสกับพื้นที่ใช้สอยเป็นฮวงซุ้ยจีนและเปรวไทย

.

ไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่ร่มรื่น แถวต้นพิกุลคงเคยทำหน้าที่รั้ววัดมาแต่เดิม ถามทุกคนที่พบไม่มีใครทรงจำและรับรู้ไปมากกว่านี้ เห็นคงจะมีก็แต่สะตอต้นหนึ่งเท่านั้น ที่โยกหัวโหม้งไปมาตามแรงลม ประหนึ่งจะเย้าว่า เท่านี้ก็ถมไปแล้วไอ้นุ้ยเหอ

.

พระเจ้านครศรีธรรมราช

ย้อนไปสมัยกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรวบรวมบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมั่นคงแล้ว นครศรีธรรมราชถูกยกให้เป็นเมืองประเทศราช มีนามเรียกขานในโคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า “ปาฏลีบุตร” ช่วงปลายรัชสมัยทรงสถาปนาผู้ครองใหม่แทนที่เจ้านราสุริยวงศ์ที่สวรรคาลัย มีฐานะตามปรากฎในสำเนากฏเรื่องตั้งพระเจ้านครศรีธรรมราชครั้งกรุงธนบุรีว่าให้เป็นผู้ “ผ่านแผ่นดินเป็นเจ้าขัณฑสีมา” หรืออีกวรรคหนึ่งว่า “ผ่านแผ่นดินเมืองนครเป็นกษัตริย์ประเทศราช” ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “ขัติยราชนิคม สมมติมไหศวรรย์ พระเจ้านครศรีธรรมราช” กับทั้งในกฎดังกล่าว มีพระบรมราชโองการกำชับเรื่องการบริหารเมือง ธรรมนิยมเกี่ยวกับการอัญเชิญตราตั้ง และเครื่องประกอบพระอิสริยยศ เป็นต้น

หากจะลองแจกแจงพระนามในพระสุพรรณบัฏ จะได้ว่า

.

ขัตติยะ
แปลว่า พระเจ้าแผ่นดิน, พระเจ้าอยู่หัว, กษัตริย์, เป็นชาตินักรบ, เป็นวรรณะที่ ๑ ใน ๔ วรรณะ หรือเจ้านาย
.

ราชะ
แปลว่า พระราชา (รากศัพท์มาจากคำว่า รช แปลว่าพอใจ)
.
นิคม
แปลว่า ย่านการค้า, หนทางพ่อค้า, ตลาด, หมู่บ้าน, หมู่บ้านใหญ่ , ตำบล, บาง หรือ นคร
.
สมมติ
แปลว่า ต่างว่า, ถือเอาว่า หรือ ที่ยอมรับกันเองโดยปริยาย
.
มไหสวรรย์
แปลว่า อำนาจใหญ่, สมบัติใหญ่ หรือ ความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
.
พระเจ้า
หมายถึง คำนำหน้านามของผู้เป็นใหญ่
.
นครศรีธรรมราช
หมายถึง เมืองนครศรีธรรมราช
.
อาจแปลรวมความได้ว่าพระเจ้านครศรีธรรมราชพระองค์นี้เป็น “พระเจ้าอยู่หัวผู้ยังความพึงใจให้แก่แผ่นดิน อำนาจบารมี(ของพระองค์)เป็นที่ยอมรับ (ทรง)เป็นใหญ่ในเมืองนครศรีธรรมราช”

.

เมืองนครศรีธรรมราช พบจารึกพระนามของเจ้าประเทศราชพระองค์นี้ บนจารึกแผ่นทองคำปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ เลขที่ จ.๑๕ ซึ่งเป็นอักษรขอมธนบุรี ภาษาไทย ดังที่ คุณก่องแก้ว วีระประจักษ์ และคุณเทิม มีเต็ม ได้ปริวรรตไว้ ความว่า

“ศุภมัศดุ พระพุทธศักราชล่วงแล้ว ๒๓๒๑ พระวัสสา
วันศุกร์ เดือนแปด แรมสองค่ำ ปีจอ สัมฤทธิ์ศก
สมเด็จเจ้าพระสังฆราชาคณะลังกาชาด ว่าที่คณะลังการาม วัดประตูขาว
แลสมเด็จพระเจ้าขัตติยประเทศราชฐานพระนคร
แลเจ้ากรมฝ่ายในราชเทวะ
ได้ชักชวนสัปปุรุษ ทายก เรี่ยไร ได้ทองชั่งเศษ
หุ้มลงมาถึงบัวได้รอบหนึ่ง วงลวดอกไก่บัวรอบหนึ่งเป็นสองรอบพลอยด้วยแหวน”

จารึกระบุพระนามแตกต่างจากในพระสุพรรณบัฏ คือมีคำนำหน้าพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้า” ตามอย่างที่ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ได้ให้ความเห็นว่าเป็นคำทางการที่ใช้นำหน้าพระนามพระมหากษัตริย์ในสมัยธนบุรี และคำต่อท้ายว่า “ประเทศราชฐานพระนคร” ซึ่งระบุฐานะของเมืองนครศรีธรรมราชว่าเป็น “ประเทศราช” กับทั้งตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ “ฐานพระนคร”
.
ซึ่งหากเป็นไปตามทฤษฎีของอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ ที่ว่าพระนามนั้นมักปรากฏ ๓ ส่วน คือส่วนที่เป็นพระนามเดิม สร้อยพระนาม และ พระนามแผ่นดิน ในที่นี้ ตรวจดูอย่างง่ายอาจได้ว่า สมเด็จพระเจ้าขัตติยราชนิคม เป็นพระนามเดิม สมมติมไหศวรรย์ เป็นสร้อยพระนาม และ พระเจ้านครศรีธรรมราช (ประเทศราชฐานพระนคร) เป็นพระนามแผ่นดิน

.

ส่วนของพระนามเดิมนี้ ปรากฏเหมือนกันทั้งในพระสุพรรณบัฏกับจารึก คือคำว่า “ขัตติยะ” แต่ด้วยคำแปลที่มีความหมายว่าพระเจ้าแผ่นดิน กับทั้งหลักฐานว่าทรงมีพระนามว่า “หนู” แล้ว ในชั้นนี้จึงสันนิษฐานไว้พลางก่อนว่า พระนามที่ปรากฏทั้งสองแห่งนี้ เป็นสมัญญานามที่ล้วนไม่ระบุพระนามเดิมฯ

 

ศุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช และตำบลตลาดเมืองสงขลา

ศุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช และตำบลตลาดเมืองสงขลา

ธีรยุทธ บัวทอง

ศุขาภิบาลเป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นสำหรับท้องถิ่นที่ยังไม่พร้อมที่จะจัดตั้งเป็นเทศบาล โดยมีนายอำเภอเป็นประธาน กำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการ มีรายได้จากการเก็บภาษีโรงเรือนในท้องถิ่นนั้นๆ ศุขาภิบาลแห่งแรกในประเทศไทย คือ ศุขาภิบาลกรุงเทพฯ จัดตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2440 ตามพระราชกำหนดศุขาภิบาลกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2440 หาใช่ศุขาภิบาลท่าฉลอม ตำบลท่าฉลอม เมืองสมุทรสาคร อย่างที่หลายคนเข้าใจไม่ เนื่องจากศุขาภิบาลท่าฉลอมได้จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2448 และเป็นเพียงศุขาภิบาลส่วนภูมิภาคเท่านั้น หลังจากนั้นจึงเริ่มกระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งในบทความนี้ขอกล่าวถึงศุขาภิบาล 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลนครศรีธรรมราช

 

1.ศุขาภิบาลตำบลตลาดเมืองสงขลา

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2452 พระยาชลบุรานุรักษ์ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช ได้มีใบบอกเข้ามายังกระทรวงมหาดไทยระบุว่าเมืองสงขลานั้นเป็นสถานที่ตั้งของย่านการค้า และบ้านเรือนของราษฎรจำนวนมาก สมควรแก่การจัดตั้งเป็นศุขาภิบาลตามพระราชบัญญัติศุขาภิบาล แต่ควรเริ่มจัดตั้งในบริเวณตำบลตลาดเสียก่อน ดังนั้นจึงได้เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคฤหบดีในตำบลตลาดมาปรึกษาร่วมกัน จากนั้นจึงได้กำหนดเขตสุขาภิบาลดังนี้คือ

ด้านตะวันตกของถนนนคร ถนนวิเชียรชม ต่อจากถนนพัทลุงไปจรดถนนไทรบุรีที่ป่าสน ยาวประมาณ 44 เส้น 18 วา กับถนนริมน้ำเคียงถนนนคร ยาวประมาณ 16 เส้น

ด้านเหนือถนนไทรบุรีจากฝั่งทะเลสาบริมโรงตำรวจภูธรไปตามป่าสนผ่านหน้าสงขลาสโมสร เลี้ยวไปทางตะวันออกผ่านบ้านข้าราชการไปจรดประตูไชยใต้ ยาวประมาณ 83 เส้น 12 วา

ด้านใต้ถนนพัทลุงจากถนนไทรบุรีผ่านถนนจนถึงฝั่งทะเลสาบ ยาวประมาณ 5 เส้น 5 วา ระหว่างถนนไทรบุรีด้านเหนือถึงถนนพัทลุงด้านใต้ มีถนนซอยอีก 3 สาย คือ ถนนตรังกานู ยาวประมาณ 12 เส้น ถนนนกลันตัน ยาวประมาณ 13 เส้น และถนนบ้านใหม่ ยาวประมาณ 5เส้น รวมทั้งสิ้นยาวประมาณ 30 เส้น

 

2.ศุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช ได้มีใบบอกเข้ามายังกระทรวงมหาดไทยระบุว่า เมืองนครศรีธรรมราชนั้นเป็นที่ตั้งของย่านการค้า และบ้านเรือนราษฎรจำนวนมาก สมควรแก่การจัดตั้งเป็นศุขาภิบาล

โดยเริ่มจากตำบลท่าวัง ตำบลคลัง ตำบลประตูไชยเหนือและตำบลพระเสื้อเมืองก่อน ดังนั้นจึงรับสั่งให้พระยาศิริธรรมบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราช เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคฤหบดีทั้ง 4 ตำบลมาปรึกษาหารือร่วมกัน จากนั้นจึงได้กำหนดเขตศุขาภิบาลดังนี้คือ ด้านเหนือ จรดถนนซอยริมกำแพงด้านใต้ของวัดประดู่ ไปจนถึงคลองไปท่าแพและทุ่งนาฝ่ายตะวันออกกว้างประมาณ 15 เส้น ด้านใต้ จรดกำแพงเมืองด้านใต้จนถึงคลองบ้านหัวท่า และมุมกำแพงตะวันออก กว้างประมาณ 13 เส้น 14 วา ด้านตะวันออก จรดกำแพงเมืองและทุ่งนาหยาม ยาวประมาณ 110 เส้น 18 วา และด้านตะวันตก จรดคลองท่าดีฝั่งตะวันตกยาวประมาณ 107 เส้น 15 วา

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2474 ได้มีการปรับปรุงเขตศุขาภิบาลเมืองนครใหม่ เพื่อความเป็นระบบและชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้คือ

ด้านเหนือ ตั้งแต่หลักเขตหมายเลขที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองเตยฝั่งตะวันตก เป็นเส้นขนานจากริมถนนวัดมะขามชุมฟากเหนือตรงไปตัดกับริมคลองที่นั้น และเลียบริมถนนวัดมะขามชุมฟากเหนือกับริมถนน ซอยฟากเหนือ ซึ่งตรงข้ามกับถนนวัดมะขามชุมไปทางทิศตะวันออกโดยวัดจากปากถนนซอยนี้ออกไปประมาณ 450 เมตร จนจรดหลักเขตหมายเลขที่ 2

ด้านตะวันออก ตั้งแต่หลักเขตหมายเลขที่ 2 เป็นเส้นตรงไปทางทิศใต้ จนจรดหลักเขตหมายเลขที่ 3 บริเวณริมคลองหน้าเมืองฝั่งใต้ห่างจากมุมตะวันออกเฉียงเหนือของกำแพงเมืองไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 250 เมตร จรดริมคลอง จากหลักเขตหมายเลขที่ 3 เป็นเส้นตรงไปทางทิศใต้จรดหลักเขตหมายเลขที่ 4 บริเวณมุมกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้

ด้านใต้ ตั้งแต่หลักเขตหมายเลขที่ 4 เลียบริมกำแพงเมืองด้านทิศใต้ไปทางทิศตะวันตก จากแนวกำแพงออกไปถึงคลองท่าดีฝั่งตะวันตกจรดหลักเขตหมายเลขที่ 5

ด้านตะวันตก ตั้งแต่หลักเขตหมายเลขที่ 5 เลียบคลองท่าดี คลองท้ายวัง คลองทุ่งปรัง และคลองเตยฝั่งตะวันตกไปทางเหนือจนกระทั่งบรรจบกับหลักเขตหมายเลขที่ 1

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าศุขาภิบาลในระยะเริ่มแรกในมณฑลนครศรีธรรมราชมีการกำหนดอาณาเขตเพื่อบริหารจัดการอย่างชัดเจน แม้ว่าบางพื้นที่อาจถูกเปลี่ยนชื่อหรือถูกทำให้ลบเลือนไปแล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการจัดตั้งศุขาภิบาลเมืองสงขลาและเมืองนครฯให้พร้อมในอดีตเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนมาเป็นเทศบาล ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักการกระจายอำนาจ ยังผลให้บ้านเมืองพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างทั่วถึง

 

อ้างอิง

ธีรยุทธ บัวทอง. มณฑลนครศรีธรรมราช เกร็ดประวัติศาสตร์ในราชกิจจานุเบกษา. นครศรีธรรมราช: เสือฟิน         การพิมพ์. 2561, 184.

ประกาศใช้พระราชบัญญัติศุขาภิบาลตำบลท่าวัง ตำบลคลัง ตำบลประตูไชยเหนือ ตำบลพระเสื้อเมือง

ท้องที่อำเภอเมือง ๆ นครศรีธรรมราช. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 27 วันที่ 4 กันยายน ร.ศ. 129,

หน้า 62 – 64.

ประกาศใช้พระราชบัญญัติศุขาภิบาลในตำบลตลาดเมืองสงขลามณฑลนครศรีธรรมราช. ราชกิจจานุเบกษา           เล่ม 26 วันที่ 5 กันยายน ร.ศ. 128, หน้า 62 – 64.

____

ขอบพระคุณภาพจาก https://www.gotonakhon.com