“เข็ดมอน” จากหญ้าดึกดำบรรพ์ สู่น้ำมันนวด KM Oil

“เข็ดมอน” เป็นหญ้าชนิดหนึ่ง เติบโตตามธรรมชาติ พบได้ทั่วไปบนดินทรายในพื้นที่ภาคใต้ โดยฉพาะตามแนวสันทรายโมคลาน ตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏในสำนวนท้องถิ่นที่จดจำและเล่าต่อกันเป็นมุขปาฐะว่า “ตั้งดินตั้งฟ้า ตั้งหญ้าเข็ดมอน” การถูกทรงจำในลักษณะที่มีต้นกำเนิดมาพร้อมดินและฟ้า ทำให้หญ้าเข็ดมอนมีอีกสถานะคือการเป็น “หญ้าดึกดำบรรพ์”

หญ้าเข็ดมอนที่พบบนสันทรายโมคลานมี 2 ชนิด “ลุงชม” หรือ นายชม พันธิ์เจริญ ปราชญ์ท้องถิ่นตำบลโมคลานวัย 76 ปี อธิบายว่า “…หญ้าเข็ดมอนมี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือหญ้าเข็ดมอนตัวผู้ และหญ้าเข็ดมอนตัวเมีย ทั้ง 2 นี้ มีสรรพคุณในทางยา…”

ลุงชม เล่าให้คณะทำงานโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ซึ่งพื้นที่ตำบลโมคลานบ้านลุงชมอยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยมี ผศ.ดร. รุ่งระวี จิตภักดี เป็นหัวหน้าโครงการ ฟังว่า ลุงชมได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการทำน้ำมันนวดมาจากคุณปู่ ในระยะแรกได้ทดลองทำน้ำมันจากสมุนไพร 3 ชนิด คือ ผักเสี้ยนผี ขมิ้นอ้อย และน้ำมันมะพร้าว เมื่อทดลองใช้เองแล้วได้ผลพอสมควรจึงแสวงหาสมุนไพรในท้องถิ่นเพิ่มเติมเพื่อสรรพคุณที่มากกว่า จนพบว่า “หญ้าเข็ดมอน” มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อย ตามชื่อที่ชาวปักษ์ใต้เรียกอาการปวดเมื่อยว่า “เข็ด”

ลุงชมได้สืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษโดยการสกัดสรรพคุณจากสมุนไพรหญ้าเข็ดมอนออกมาใช้ประโยชน์ พร้อมกับส่วนประกอบต่าง ๆ อีก 19 ชนิด เป็นน้ำมันสมุนไพรที่สามารถใช้นวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ป้ายแผลเปื่อย แผลสด แผลน้ำร้อนลวก แผลในปากจากอาการร้อนใน ชโลมหนังศีรษะรักษาอาการผมร่วงเนื่องจากเชื้อรา

ในระยะแรก บรรจุภัณฑ์และแบรนด์ภายใต้ภาพและชื่อ “ลุงชม” สนนราคาอยู่ที่ขวดละเพียง 20 บาท มีจำหน่ายเฉพาะที่บ้านของลุงชมเท่านั้น ผศ.ดร. รุ่งระวีฯ และคณะทำงานจึงมีความเห็นร่วมกันว่า หญ้าเข็ดมอนคือของขวัญจากบรรพชน คือจุดเชื่อมร้อยระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือภูมิปัญญาที่สามารถพัฒนาสู่อาชีพ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่มีขึ้นเพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับชุมชน หญ้าเข็ดมอนจึงควรได้รับการพัฒนาให้กลับมาทรงจำของคนในยุคปัจจุบันอีกครั้งในฟังก์ชันที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและกระแสสังคม โดยเบื้องต้นได้วางแผนในการ Rename Repackeging และ Remarketing เพิ่มมูลค่าตลอดจนการขยายผลสู่การส่งเสริมอาชีพที่เกี่ยวเนื่องให้กับชุมชน เพื่อให้ “หญ้าเข็ดมอน” จากหญ้าดึกดำบรรพ์ จะได้ถูกพัฒนาสู่น้ำมันนวด KM Oil ลุงชมเคเอ็มออยล์ จึงเป็นการผสมสานศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นฐานของศิลปวัฒนธรรมและการแพทย์พื้นบ้าน KM ที่มาจาก Khed Mon จึงคล้ายว่าเป็นคุณค่าและความหมายเดียวกันกับ Knowledge Management

ไผ่พาสเทล โมคลาน ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นมากกว่าเครื่องจักสาน

ไผ่พาสเทล โมคลาน

โมคลาน” เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ทอดตัวไปในแนวเหนือ-ใต้ ขนานไปกับชายฝั่งทะเลตะวันออก มีภูมิประเทศตั้งอยู่บนสันทรายระหว่างเทือกเขานครศรีธรรมราชและทะเลอ่าวไทย ทำให้ทั้งดินและน้ำอุดมสมบูรณ์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงทั้งผู้คน สรรพสัตว์ และพืชพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ต้นไผ่” ซึ่งเป็นไม้ชั้นดีที่ต่างก็ยอมรับกันในเรื่องคุณภาพ ตั้งแต่หน่อไม้ถึงปลายลำ ถูกนำมาใช้สอยได้นานาประโยชน์ ไผ่ดีด้วยดินดี น้ำดี ดังกล่าวแล้วว่าโมคลานตั้งอยู่บนสันทรายอันอุดมสมบูรณ์ “ไผ่” จึงเป็นหนึ่งในห่วงโซ่การเกษตรที่สำคัญบนสันทรายนี้

โมคลานมีปราชญ์ท้องถิ่นคนสำคัญอย่าง “นายกิบหลี หมาดจิ” หรือ “ป๊ะกิบหลี” ทำให้ “ไผ่” ถูกประดิษฐ์ประดอยด้วยภูมิปัญญาอันสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น กระเชอ ชะลอม กระด้ง กระจาด ตะกร้า เป็นต้น นอกจากการสืบสานงานหัตถกรรมเหล่านี้แล้ว ป๊ะกิบหลียังพัฒนาฝีมือด้วยการประยุกต์สานกระบอกใส่แก้วน้ำแบบพกพา โคมไฟ และอีกสารพัด สุดแต่จะได้รับออเดอร์ คล้ายกับว่าทั้งผู้ทำและผู้ใช้ต่างก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์

มากไปกว่าการเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ป๊ะกิบหลี ยังเปิดบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ของชุมชนและต้อนรับนักท่องเที่ยว เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหากิจกรรมสำหรับครอบครัวด้วยงาน DIY Handicraft ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ให้เด็กๆ ร่วมกันออกแบบบรรจุภัณฑ์สร้างสรรค์ของครอบครัว แถมยังฝึกทักษะการคิดเชื่อมโยง ทีมเวิร์ค และสมาธิหลักสูตรระยะสั้นกันได้ภายในระยะเวลา 1 วันก็ได้เลยทีเดียว

ไผ่จากป่า มาสู่งานฝีมือ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ความโดดเด่นจากการไล่สีของเปลือกไผ่ทำให้ได้โทนพาสเทลแบบออแกนิก ปลอดภัยสำหรับการใช้สอยที่ต้องสัมผัสกับอาหาร แถมยังได้ชื่นชมกับคุณค่าจากสีธรรมชาติของตอกไผ่บนผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น ของที่นี่โมคลาน…

11 วัดเชิญมากราบไหว้ขอพรพระเมืองนคร

          จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่า “นครสองธรรม” เพราะมีความโดดเด่นในเรื่องของ “ธรรมะ” และ “ธรรมชาติ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของธรรมะนั้น เมืองนครถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่ที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนามายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

            วันนี้เราจะพาทัวร์ 11 วัดน่าไปกราบไหว้ขอพร ณ เมืองธรรมะดินแดนใต้แห่งนี้กัน

1.วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

 

วัดพระธาตุ เครดิตภาพ KOSIN SUKHUM

หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดพระธาตุ” เป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีอายุเก่าแก่ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครศรีธรรมราช ใครที่ได้มาเยือนถิ่นเมืองนครจึงไม่ควรพลาดไปกราบสักการะ ณ สถานที่แห่งนี้ด้วยประการทั้งปวง ภายในวัดมี “พระบรมธาตุเจดีย์” ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และด้วยเหตุที่องค์พระธาตุจะไม่มีเงาทอดลงพื้นไม่ว่าแสงอาทิตย์จะส่องลงมากระทบโดนองค์พระธาตุจากทางไหนก็ตาม บังเกิดเป็นความอัศจรรย์จนผู้คนต่างพากันเรียกพระธาตุนี้ว่า “พระธาตุไร้เงา” ทำให้พระบรมธาตุเจดีย์กลายเป็นอีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ของเมืองนคร

2.วัดธาตุน้อย หรือวัดพระธาตุน้อย

พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดพระธาตุน้อย เครดิตภาพ thailandtourismdirectory.go.th 

ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความประสงค์ของพระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ พระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ชาวใต้มีความเลื่อมใสนับถือศรัทธาอย่างสูงยิ่ง ที่ท่านได้ชื่อต่อท้ายว่าวาจาสิทธิ์นั้นเป็นเพราะทั้งลูกศิษย์และประชาชนทั้งหลายได้ประจักษ์กับความศักดิ์สิทธิ์ในวาจาที่ท่านพูด พูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ท่านจึงได้ชื่อว่าเป็นเทวดาเมืองคอน หรือเทพเจ้าแห่งแดนใต้ ดังนั้นเมื่อมาเมืองคอนแล้ว นอกจากจะไปกราบพระธาตุเมืองนครแล้ว อย่าลืมมาแวะมาทำบุญที่วัดธาตุน้อยกันด้วยนะคะ

3. วัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่

วัดเจดีไอ้ไข่ เครดิตภาพ sanook

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สายมูไม่ควรพลาด ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมานั้น “ไอ้ไข่” เป็นวิญญาณเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบ เป็นลูกศิษย์ติดตามหลวงปู่ทวดมาในขณะที่ท่านมาปักกลดออกธุดงค์ หลวงปู่ทวดพบว่าที่นี่มีทรัพย์สมบัติและซากของศาสนสถานโบราณเป็นจำนวนมาก จึงให้ “ไอ้ไข่” ทำหน้าที่เฝ้าทรัพย์สมบัติดังกล่าว ชาวบ้านเชื่อกันว่า “ไอ้ไข่” เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านในแถบนั้น และจังหวัดต่างๆ ในแถบภาคใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของโชคลาภและค้าขาย ปัจจุบันมีผู้คน รวมถึงคนดังในวงการต่างๆ เดินทางไปกราบไหว้ขอพรกันอย่างมากมาย

4. วัดถลุงทอง

วัดถลุงทอง เครดิตภาพ thailandtourismdirectory.go.th

เป็นวัดที่มีความสงบร่มรื่น เพราะตั้งอยู่ห่างจากถนนสายหลักกว่า 9 กิโลเมตร มีพ่อท่านคลิ้งหรือหลวงปู่คลิ้งเป็นเจ้าอาวาส ในขณะที่พ่อท่านคลิ้งยังมีชีวิตอยู่นั้นได้มีความตั้งใจที่จะสร้างเจดีย์วัดถลุงทองขึ้นมาไว้เป็นที่สักการะเคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนเพื่อเป็นการสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนา เมื่อท่านละสังขารแล้วสรีระของท่านไม่เปื่อยสลาย ทางวัดจึงบรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้วไว้ที่ชั้นสองของเจดีย์เพื่อให้ผู้คนได้เข้าไปสักการะกราบไหว้บูชา

5. วัดหรงบน

วัดหรงบน เครดิตภาพ thailandtourismdirectory.go.th

มีพ่อท่านเขียวเป็นเจ้าอาวาส เป็นอีกหนึ่งอริยสงฆ์แห่งแดนใต้ ท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น และก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านก็ได้บอกกำหนดวันที่จะมรณภาพล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หลังจากที่ท่านละสังขาร นอกจากสรีระจะไม่เน่าเปื่อยแล้วยังเผาไม่ไหม้อีกด้วย ปัจจุบันทางวัดได้บรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้คนได้มาสักการะกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

6. วัดแม่เจ้าอยู่หัว

วัดแม่เจ้าอยู่หัว เครดิตภาพ thailandtourismdirectory.go.th

วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงแม่เจ้าอยู่หัวหรือพระนางเลือดขาวพระมเหสีเอกของพระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ 5 จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในเรื่องของอภินิหารหรือปาฏิหารย์จากบารมีของพระนางนั้น จะเป็นในเรื่องของการบนบานให้หายจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อหายป่วยแล้วก็จะต้องมาแก้บนตามสัญญา

7. วัดพัทธเสมา

ประเพณี ลากพระ ชักพระ เรือพระ แบบดั้งเดิม ณ วัดพัทธเสมา เครดิตภาพ mokkalana.com

มีพระพุทธรูปปางยืนอุ้มบาตรเนื้อทอง ที่มีชื่อว่า “พระอิศระชัย” ประดิษฐานอยู่ภายในวัดพัทธเสมา ซึ่งคนเมืองคอนและจังหวัดใกล้เคียงต่างทราบกันดีว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ ใครบนบานหรือขอสิ่งใดมักได้ดั่งใจหวัง

8. วัดเขาขุนพนม

วัดเขาขุนพนม thailandtourismdirectory.go.th

เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี มีถ้ำซึ่งมีกำแพงก่ออิฐปูนเหมือนกำแพงเมืองสมัยโบราณ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปสำริดประมาณ 30 องค์และมีหลายถ้ำทะลุถึงกัน ด้านหน้าวัดเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำทิพย์โบราณที่เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่พระเจ้าตากสินไว้ใช้ส่วนพระองค์

9. วัดดอนตรอ

วัดดอนตรอ เครดิตภาพ thailandtourismdirectory.go.th

เป็นอีก 1 ใน 32 วัดของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีพระอริยสงฆ์แห่งแดนใต้นามว่า “พ่อท่านสังข์” ที่ได้รับการยกย่องและตั้งฉายาว่า “เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง” พ่อท่านสังข์ได้มรณภาพลงเมื่อปี 2547 ปัจจุบันมีศิษยานุศิษย์ ผู้เลื่อมใสศรัทธา รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงค์โปร์เดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย

10. วัดวัวหลุง

หลวงพ่อซัง เครดิตภาพ mokkalana.com

อยู่ในอำเภอร่อนพิบูลย์ เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีพระมหาเถราจารย์ชื่อดังในตำนานแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ผู้ทรงวิทยาคุณ มากด้วยบุญญาภินิหารนามว่า “พ่อท่านซัง” ที่ไม่ควรพลาดไปกราบไหว้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกวัดหนึ่ง

11.วัดร่อนนา

พระแม่เศรษฐีวัดร่อนนา

เป็นวัดเก่าแก่โบราณมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าวัดร่อนนาเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน คือพระพุทธรูปอุ้มบาตรปางพระร่วงเป็นพระคู่บ้านคุ่เมืองของชาวร่อนพิบูลย์ และจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ องค์พระแม่เศรษฐีอายุประมาณ 700-800 ปี

            มาเยือนถิ่นเมืองนครกันทั้งทีอย่าพลาดไปทำบุญที่วัดทั้ง 11 แห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตกัน