วิธีขายของออนไลน์แบบไม่สต๊อกกับนายหน้าออนไลน์

อยากมีรายได้เสริม “ขายของออนไลน์” มักจะเป็นอาชีพที่ถูกค้นหาบ่อยและอยู่ในความสนใจของหลายคนเสมอ นับเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นได้ไม่ยาก ใช้ทุนน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น รวมถึงสินค้า รูปแบบธุรกิจ และช่องทางการขายก็มีหลายประเภท การขายออนไลน์ไม่ต้องสต๊อกสินค้ากับนายหน้าออนไลน์ เป็นอีกโมเดลธุรกิจในการสร้างรายได้ เหมาะกับคนที่ไม่มีสินค้าของตัวเอง ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร เริ่มต้นได้โดยไม่ต้องตุนของให้รกบ้าน วิธีการไม่ยุ่งยาก อาศัยทักษะการใช้โซเชียลมีเดียในการขายสินค้า หรือขายออนไลน์อยู่แล้วแต่อยากมีรายได้เพิ่มอีกทาง แนวทางในการเป็น Affiliate Marketing หรือนายหน้าออนไลน์เป็นอย่างไร มีแพลตฟอร์มใดบ้างที่รับตัวแทนขายสินค้า

ตัวแทน หรือนายหน้าออนไลน์ คืออะไร

ลงทะเบียนฟรีที่นี่

Affiliate Marketing โมเดลขายสินค้าออนไลน์ที่ไม่ต้องผลิตสินค้า ไม่ต้องสต็อก ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องแพ็คของ และไม่ต้องจัดส่งเอง หน้าที่ของเราเพียงช่วยโปรโมทสินค้าหรือบริการนั้น ดูว่าสินค้าตัวไหนที่น่าสนใจ โดยการนำลิงก์สินค้าไปทำการตลาด แชร์ลิงก์ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Youtube, Blog เป็นต้น เมื่อมีคนซื้อสินค้าผ่านลิงก์ของเรา และการสั่งซื้อเสร็จสมบูรณ์ ก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น โมเดลนี้จึงไม่ต่างกับอาชีพนายหน้าที่หลายคนรู้จัก มีรูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนเหมือนกัน เพียงแต่ขายสินค้าบนโลกออนไลน์ อย่างในไทยก็มีหลายแพลตฟอร์มที่เปิดรับ Affiliate partner หรือสมาชิก เช่น Accesstrade, Amot, Priceza Affiliate เป็นต้น ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้จะไปดีลสินค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่างเช่น  JD Central, Lazada, Shopee, Supersports  เป็นต้น ทางด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ก็เปิดรับตัวแทนขายเช่นกัน เพื่อให้ร้านค้าที่นำสินค้ามาลงขายในแพลตฟอร์มนั้น มีโอกาสขายได้มากขึ้น แทนที่จะทำการตลาดฝ่ายเดียว ก็ให้คนอื่นมาช่วยแชร์ลิงก์ ช่วยทำการตลาด โดยนำค่าดำเนินการที่หักจากร้านค้ามาจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่น แม้ค่าคอมมิชชั่นอาจไม่สูงมาก แต่ถ้ารวมจากการขายสินค้าในจำนวนมากหรือหลากหลายช่องทางก็ถือว่าไม่น้อยทีเดียว

ตัวอย่างวิธีขายของออนไลน์แบบไม่สต๊อก การเป็นนายหน้าออนไลน์กับ Priceza Affiliate

ลงทะเบียนฟรีที่นี่

            สำหรับใครที่สนใจเป็นนายหน้าออนไลน์ของ Priceza Affiliate สามารถลงทะเบียนฟรีได้ที่นี่ เมื่อกดเข้าไปจะเจอหน้าแรกให้สมัครเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ผ่านทาง Youtube , Google Account  หรือกรอกข้อมูลในการสมัคร ประเภทของผู้สมัครมีทั้งรูปแบบบุคคลหรือบริษัท จากนั้นทำการยืนยันตัวตนผ่านทางอีเมล์ที่ระบุ จุดเด่นของ Priceza Affiliate คือ

  • จำนวนสินค้าที่มากกว่า 62 ล้านชิ้น มีร้านค้าชั้นนำและแบรนด์ต่างๆ มากมาย
  • รับค่าตอบแทนในรูปแบบ aCPC (Adjusted Cost-Per-Click) นอกจากค่าคอมมิชชั่นจากการแชร์ลิงก์แล้วเกิดการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ แค่คลิกลิงก์แต่ยังไม่มีการซื้อก็ได้รับเงินเช่นกัน เป็นวิธีที่เน้นให้ผู้คนเห็นสินค้ามากขึ้น
  • มีโบนัสพิเศษเมื่อเข้าเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ
  • Smart Link บางครั้งที่เราแชร์ลิงก์ไป แต่สินค้านั้นหมดหรือเลิกผลิต ในส่วนของ Priceza Affiliate จะมีลิงก์ใหม่ทดแทนให้อัตโนมัติ

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ก็จะพบกับระบบหลังบ้าน สามารถค้นหาสินค้าที่สนใจ หรือเลือกจากร้านค้าแนะนำ แต่ละสินค้าจะมีรายละเอียด เช่น ชื่อแบรนด์ ราคา ส่วนลด อัตราผลตอบแทน รูปแบบค่าตอบแทนของ Priceza Affiliate จะเป็นค่าคอมมิชชั่น หรือCPC (cost per click) จากนั้นให้สร้างลิงก์โดยกดเข้าไปที่ Get Link เพื่อนำลิงก์ไปแชร์บนแพลตฟอร์มที่เราใช้งาน ในส่วนนี้สามารถ Tracking  กับช่องทางออนไลน์ที่ต้องการจะแชร์ เช่น Facebook, Instagram,  Youtube, Website  เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีการสั่งซื้อสินค้าจากช่องทางไหนบ้าง

สำหรับคนที่มีเว็บไซต์ และต้องการสร้างรายได้จาก Affiliate Marketing สามารถเข้าไปที่ Widget Generator ซึ่งเป็นรูปแบบการโชว์แถบสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ โดยที่ไม่แสดงลิงก์ ทำได้ง่ายเพียงแค่กรอกชื่อเว็บไซต์ของเรา แล้วกด Generate จากนั้นนำ Code ไปวางในเว็บไซต์ โดยที่เราไม่ต้องเลือกสินค้าเอง สินค้าจะปรับเปลี่ยนไปตามความสนใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น ส่วนใครที่มีช่องยูทูป สามารถเชื่อมโยงช่องของเราโดยเข้าไปที่ Social Media Connection  เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำรายได้จากสปอนเซอร์และคอนเทนต์ที่ผลิต

ลงทะเบียนฟรีที่นี่

ส่วนการนำลิงก์ไปวางในหน้าแฟนเพจ สามารถใส่แคปชั่น รีวิว เพิ่มคอนเทนต์ เพื่อดึงความสนใจให้คนกดเข้าไปดู แนะนำให้เขียนประมาณ 3-5 บรรทัด ในกรณีที่มีคนคลิกเข้าไปดู แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ อยากไปดูสินค้าอื่นเพิ่มเติมในเว็บไซต์นั้น แล้วเกิดถูกใจสินค้าและกดสั่งซื้อ เรายังคงได้รับค่าคอมมิชชั่นเช่นกัน ถือว่าคนที่แนะนำให้มาซื้อสินค้าคือเรา เพราะลิงก์ที่เราแชร์ไว้และมีคนคลิกเข้าไปได้ถูกบันทึกไว้แล้ว แต่ภายใต้เงื่อนไขว่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งต้องไม่มีลิงก์ของคนอื่นมาทับลิงก์ของเรา เช่น  นาย A และนาย B ทำหน้าที่เป็นนายหน้า วันแรกนาย C คลิกลิงก์ของนาย A แต่ยังไม่สั่งซื้อ วันที่สองนาย C คลิกลิงก์ของนาย B  ปรากฏว่านาย B มาทีหลัง ข้อมูลจะถูกบันทึกเป็นของนาย B ทันที นั่นหมายความว่า ตราบใดที่มีคนคลิกผ่านลิงก์เรา โดยที่ไม่ไปคลิกลิงก์คนอื่น (ที่เป็นนายหน้าจากร้านค้าเดียวกัน) ไม่ว่าคนๆ นั้นจะซื้อสินค้าอะไรก็ตาม เราจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อทั้งหมด

ลงทะเบียนฟรีที่นี่

           วิธีขายของออนไลน์แบบไม่สต๊อก Affiliate Marketing หรือนายหน้าออนไลน์ เป็นช่องทางสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ ที่สามารถทำคนเดียวได้ โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องตอบแชท อยู่บ้านก็มีรายได้เข้ามา เป็นอีกวิธีในสร้างรายได้ 24 ชั่วโมง นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจขายของออนไลน์ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เริ่มต้นทำได้ง่าย ใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน สำหรับมือใหม่ที่สนใจหารายได้จากวิธีนี้ แนะนำให้แชร์ผ่านโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์ส่วนตัวหรือแฟนเพจ ในช่วงเริ่มต้นค่าตอบแทนอาจไม่ได้มากมาย แต่ก็สามารถทดแทนรายได้บางส่วนที่หายไป และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองในการก้าวเข้าสู่การหารายได้บนโลกออนไลน์อีกด้วย

ชมคลิปย้อนหลังรายการ “ช่องทางสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้” ได้ที่นี่ 

ติดตามชมรายการ Live “ช่องทางสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้” ทุกวันอังคารเวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น.

คุณอานนท์ มีศรี ผลิตสื่อสร้างสุข กระบอกเสียงทุกเรื่องจากชุมชน ฅนต้นแบบเมืองนคร

ในยุคที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิต เชื่อมต่อผู้คนที่อยู่ไกลให้เข้าถึงกันมากขึ้น ทว่าการนำเสนอของสื่อบางสำนัก บวกกับการขาดวิจารณญาณของผู้บริโภคสื่อ กลับส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างและกระทบต่อสุขภาพจิต การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว แต่บางครั้งกลับเข้าไม่ถึงกลุ่มคนที่กำลังประสบปัญหา สื่อชุมชนจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เป็นสื่อที่เข้าถึงคนในพื้นที่ได้ง่ายที่สุด เช่นเดียวกับฅนต้นแบบเมืองนครท่านนี้ ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชนมายาวนาน เปิดพื้นที่ให้คนในชุมชนแสดงออกทางความคิดเห็น ผลิตสื่อสร้างสุข เป็นกระบอกเสียงทุกข์จากชุมชน คุณอานนท์ มีศรี นายกสมาคมสื่อชุมชนภาคใต้ นครศรีธรรมราช

หลายบทบาทหน้าที่บนเส้นทางชีวิตจากวิศวกรสู่สื่อสารมวลชน

คุณอานนท์ มีศรี เป็นคนอำเภอฉวาง นครศรีธรรมราช ช่วงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนโตพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อระดับ ปวช.ที่กรุงเทพฯ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเอเชีย ชีวิตวัยทำงานคุณอานนท์เล่าว่าตัวเองเป็นคนที่เปลี่ยนงานบ่อยมาก ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย ขณะที่เป็นวิศวกรโปรเจ็คก็ได้ถูกทางบริษัทเลิกจ้าง ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างครอบครัว จึงตัดสินใจกลับนครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะประสบความสำเร็จ

จากนั้นจึงเบนเข็มเข้าสู่การเมืองระดับท้องถิ่น ด้วยความที่เป็นคนที่พูดเก่ง ชอบการสื่อสาร บวกกับมีต้นทุนด้านวิศวกรรม จึงมีคนมาชักชวนให้ลงสมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผลปรากฏว่าได้รับเลือก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานด้านชุมชน จากนั้นก็ลงสมัครการเมืองท้องถิ่นมาเรื่อยๆ ช่วงชีวิตในตอนนั้นไม่ได้ราบรื่นนัก จนมาเจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญจึงตัดสินใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับงานทางด้านการเมืองอย่างถาวร เหตุผลในตอนนั้นที่ตัดสินใจทำงานด้านบริหารเพราะต้องการเป็นกระบอกเสียง อยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น

ในช่วงที่เป็นสมาชิกอบต. มีโอกาสทำงานเป็นผู้อำนวยการสถานีวิทยุ เป็นช่วงที่เริ่มทำงานด้านการสื่อสาร ต่อมาเมื่อได้มารู้จักกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)  พบว่าทางสถาบันมีความต้องการคนทำงานด้านสื่อชุมชน จึงมีโอกาสได้ทำงานด้านสื่อชุมชนกับทาง พอช. สร้างเครือข่ายสื่อชุมชนให้คนทำสื่อในท้องถิ่นได้มาทำความรู้จักกัน

เจตนารมณ์ของคุณอานนท์ที่เข้ามาทำงานสื่อสารมวลชน เพื่อให้ทุกคนในชุมชนได้เรียนรู้ที่จะใช้ช่องทางต่างๆ ในการสื่อสารให้เป็นประโยชน์อย่างเท่าทันและเท่าเทียม โดยส่วนตัวคุณอานนท์เชื่อว่า คนตัวเล็กๆ ทั่วไปอย่างชาวบ้านในชุมชนแทบไม่มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราว หรือแม้กระทั่งปัญหาในชุมชนของตัวเองผ่านองค์กรสื่อต่างๆ ทั้งๆ ที่สื่อเหล่านั้นอาจไม่เข้าถึงเรื่องราวที่แท้จริงหรือเข้าใจปัญหาที่ถูกถ่ายทอดออกไปด้วยซ้ำ

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มเป็นที่รู้จัก คุณอานนท์พยายามที่จะประยุกต์การใช้สื่อออนไลน์เข้ากับการจัดรายการวิทยุออนไลน์ จนเกิดการสร้างวิทยุเครือข่ายทั่วประเทศ เมื่อทางสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ให้คุณอานนท์เข้าไปช่วยงานทางด้านสื่อ เลยใช้โอกาสนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนในสังคมได้ใช้ประโยชน์จากสื่อมากขึ้น

ในตอนนั้นคุณอานนท์สนใจถึงเรื่องของสุขภาวะที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เพราะสื่อเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพจิต จริยธรรมสื่อคือ เรื่องสำคัญที่สื่อมวลชนต้องคำนึง การทำงานในช่วงนั้นทำให้คุณอานนท์ได้รู้จักกับผู้คนมากมายจากหลายสาขาอาชีพ ขณะที่ตัวเองก็เริ่มเป็นที่รู้จักเช่นกัน จนสามารถสร้างเครือข่ายสื่อสร้างสุขครบ 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเป็นช่องทางในการใช้ศักยภาพของสื่อชุมชนที่ไม่แพ้กับองค์กรสื่อขนาดใหญ่

สถานการณ์และการนำเสนอของสื่อในอดีตถึงปัจจุบัน

ในอดีตคนที่จะก้าวมาเป็นผู้ประกาศต้องผ่านการสอบ มีใบประกอบวิชาชีพ แต่ในยุคที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงและนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ จึงมีโอกาสสูงที่คนๆ นั้นจะบิดเบือนข้อเท็จจริง นำเสนอผ่านความคิดเห็น ใช้อคติ และความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลัก หากเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ก็ดูเหมือนว่ากลุ่มคนที่ชื่นชอบมักจะคล้อยตาม ในแต่ละวันมีข่าวสารเยอะแยะมากมายจากหลายช่องทาง จนบางครั้งก็ยากที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง เพราะคนที่นำเสนออาจไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณและจริยธรรม ซึ่งผลกระทบที่ตามมาอาจสร้างความเสียหายเกินกว่าที่จะรับผิดชอบไหว

แม้แต่บางคนที่เรียนมาทางด้านสื่อสารมวลชนแต่กลับไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ บางสื่อทำหน้าที่เกินขอบเขตความรับผิดชอบ หรือถูกกลืนด้วยอำนาจของคนบางกลุ่ม ทำให้สื่อสารเกินจริง (Fake news) ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือสื่อสารเนื้อหาไม่ครบถ้วนซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสื่อสารเลือกข้างโดยลงไปเล่นในสนามรบเสียเอง จากผู้ประกอบอาชีพนักสื่อสารมวลชนกลายเป็นนักประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ผู้บริโภคสื่อจึงได้รับข่าวสารเพียงด้านเดียว การรายงานข่าวของสื่อบางสำนักในยุคปัจจุบันจึงไม่ต่างกับการเล่าเรื่อง ที่ปราศจากการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ รายงานภายใต้สถานการณ์และข้อเท็จจริง

การสร้างจริยธรรมสื่อเพื่อสุขภาวะทางสังคม ผลิตสื่อสร้างสุข กระบอกเสียงทุกเรื่องจากชุมชน

            ช่องทางการสื่อสาร เครือข่าย เครื่องมือ และองค์ความรู้ ที่สะสมมายาวนานจากการคลุกคลีในแวดวงสื่อสารมวลชน เปิดโอกาสให้คุณอานนท์ได้แสดงเจตจำนงค์ตามที่ตั้งใจ ที่จะทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างจริยธรรมสื่อเพื่อสุขภาวะทางสังคม ช่วยให้ผู้คนเข้าใจการสื่อสารทางด้านสุขภาวะมากขึ้น ผ่าน “สมัชชาสุขภาพ” ภายใต้การดำเนินงานของ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) คือ เครื่องมือพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพที่เน้นการมีส่วนร่วม เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 บทบาทของสมัชชาสุขภาพ เป็นการจัดกระบวนการเพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานรัฐได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่การทำข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ เป็นช่องทางในการรับฟังเสียงของประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยอาศัยกลไกของภาครัฐในการจัดการ

ทางด้านคุณอานนท์ที่ได้ขยายเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ครบทุกจังหวัด ล่าสุดได้ดำเนินรายการ “ฟังเสียงประชาชน” เผยแพร่โดย สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้ นครศรีธรรมราช เป็นการนำเสนอประเด็นที่ชาวบ้านมีความต้องการหรือกำลังประสบปัญหา เปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ที่เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  เป็นกระบอกเสียงร้องทุกข์จากชุมชน อุดรอยรั่วประสานรอยร้าว ผลักดันให้เสียงและความคิดเห็นของพวกเขาไปสู่หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ที่ผ่านมาได้ใช้ช่องทางสื่อท้องถิ่นในการช่วยเหลือชุมชน หยิบประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ อย่างน้ำท่วมภาคใต้ปี 2560 เครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้  เรียกความสนใจจากองค์กรสื่อระดับประเทศให้มาทำข่าว เข้าถึงชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล สามารถระดมทุนในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยได้จำนวนไม่น้อย

นับเป็นเรื่องดีที่สื่อชุมชนเข้ามามีบทบาทในการสร้างการรับรู้เท่าทัน เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงสื่อได้อย่างเท่าเทียม เป็นกระบอกเสียงให้คนตัวเล็กๆ ในชุมชน ในฐานะของผู้บริโภคสื่อก็ต้องเลือกรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ รู้จักคิดวิเคราะห์ อย่าเพิ่งด่วนสรุป เสพสื่ออย่างมีสติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพจิต ตลอดจนสร้างความตระหนักในการใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีคุณภาพ

ติดตามชมคลิปสัมภาษณ์ คุณ อานนท์ มีศรี ย้อนหลังได้ ที่นี่

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 092-6565-298 คุณ เกียรติ

อ. บุญเสริม แก้วพรหม ปั้นเยาวชนเป็นคนดี กวีน้อยเมืองนคร ฅนต้นแบบเมืองนคร แต่งกลอนสอนคน

อ. บุญเสริม ไม่ได้เน้นการสอนคนโดยตรง ส่วนใหญ่มักจะบอกเล่าความรู้สึกนึกคิดของตัวเองต่อสถานการณ์หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะถูกหรือผิดนั้นไม่อาจทราบได้ แต่แฝงไปด้วยประเด็นบางอย่างที่ผู้อ่านสามารถนำไปขบคิดและประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต

Continue reading

นายอำเภอ ศรายุทธ เจียรมาศ นายอำเภอนักพัฒนา เพิ่มคุณค่าท้องถิ่นด้วยเรื่องเล่า

            สภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่รวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนอาจตามไม่ทันโดยเฉพาะผู้คนในชุมชนท้องถิ่น การพัฒนาชุมชนจึงมีบทบาทสำคัญ เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ต้องอาศัยความสามารถของตัวแทนจากภาครัฐเข้าไปบริหารจัดการ ในขณะเดียวกันก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่เช่นกัน แต่การที่จะเข้าถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของชุมชน ต้องเข้าใจบริบททางสังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับฅนต้นแบบเมืองนครท่านนี้ ทางเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ นายอำเภอ ศรายุทธ เจียรมาศ นายอำเภอนักพัฒนาประจำอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทำความรู้จักกับท่านนายอำเภอนักพัฒนา

            นายอำเภอ ศรายุทธ เจียรมาศ พื้นเพเป็นคนอำเภอท่าศาลา นครศรีธรรมราช ศึกษาระดับประถม – มัธยมศึกษาที่จังหวัดบ้านเกิด เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา วิทยาเขตปัตตานี และระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว ได้สอบบรรจุเพื่อเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอ ประจำอยู่ที่จังหวัดปัตตานี เป็นเวลา 19 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2539 – 2558  ที่ท่านทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนย้ายมาประจำการที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา การทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ท่านนายอำเภอได้อาศัยความรู้ทางวิชาการที่ร่ำเรียนมา เพื่อปรับตัวเองให้เข้ากับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางด้านศาสนาและวัฒนธรรม หากพูดถึงคุณวุฒิของนักปกครอง แน่นอนว่าต้องเป็นรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ แต่หากพูดถึงการทำงานของนายอำเภอในมิติใหม่ ซึ่งต้องสอดคล้องกับสภาพสังคมสมัยใหม่ ศาสตร์ทางด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา นับว่าสำคัญมากเช่นกัน

บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์การทำงาน…ร้อยเรียงผ่านตัวอักษร

            นอกจากบทบาทหน้าที่นายอำเภอในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ แล้ว อีกบทบาทที่น่าสนใจของท่านนายอำเภอศรายุทธ คือ การถ่ายทอดเรื่องราวท้องถิ่นผ่านเรื่องเล่าจากปลายปากกา เริ่มต้นงานเขียนในเชิงพื้นที่ ตั้งแต่ทำงานอยู่ที่อำเภอยะรัง จ.ปัตตานี เป็นข้อมูลที่เรียบเรียงไว้ แต่ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ ส่วนงานเขียนเชิงเล่าเรื่องได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก “เสน่ห์เทพา” เมื่อครั้งที่มาประจำการเป็นปลัดอาวุโสที่อำเภอเทพา หนังสือที่ท่านนายอำเภอเขียนไม่ได้มีแค่เรื่องเล่าจากภาคใต้เท่านั้น แต่ยังเขียนหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกัน เล่าเรื่องเกี่ยวกับมิติทางประวัติศาสตร์และสังคมในมุมมองคนต่างถิ่น ในหนังสือที่มีชื่อว่า “นายอำเภอคนใต้…เล่าเรื่องแดนอีสาน” ซึ่ง “ภาษา” คือ เรื่องที่สร้างความแปลกใจ ไม่น้อยสำหรับท่านนายอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นสำเนียงหรือคำศัพท์ภาษาอีสานบางคำก็คล้ายคลึงกับภาษาใต้อย่างน่าประหลาดใจ

            ในมุมมองของท่านนายอำเภอ คนที่ทำงานในแวดวงนักปกครอง จำเป็นจะต้องรู้จักคน รู้จักพื้นที่ ซึ่งการที่จะรู้จักและจดจำได้นั้น ต้องอาศัยการจดบันทึกจากการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งมีกรอบทางภูมิศาสตร์เป็นแนวทางในการบันทึก ต้องเรียนรู้จากพื้นที่จริง เพื่อให้รู้ถึงที่มาที่ไปของแต่ละชุมชน การจะเข้าถึงชุมชน ต้องเข้าถึงรากเหง้า ทำความรู้จักกับภูมิศาสตร์ในแต่ละท้องที่ แม้กระทั่ง “ภูมินาม” ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับชื่อและประวัติความเป็นมาของสิ่งต่างๆ ภูมินามของแต่ละชุมชนสามารถแสดงให้เห็นถึงลักษณะทางธรรมชาติ สภาพสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น

นำประวัติศาสตร์มาพัฒนาชุมชน เพิ่มคุณค่าท้องถิ่นด้วยเรื่องเล่า

            การทำงานเชิงพื้นที่ของท่านนายอำเภอ ไม่ได้อาศัยแค่สาขาวิชาการปกครองเท่านั้น แต่ต้องอาศัยข้อมูลจากสาขาวิชาต่างๆ มาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาของตนเองให้แก่ชาวบ้าน และเพื่อหาวิธีในการพัฒนาชุมชนให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ นอกจากความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาท้องถิ่น เรายังสัมผัสได้ถึงความสนใจในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของท่านนายอำเภอ จากการที่ท่านได้เล่าเรื่องนิทานพื้นบ้าน “เกลอเขา เกลอเล” ที่สืบทอดมายาวนาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานของชาวนครศรีธรรมราช สภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกันจึงมีผลต่ออาชีพของชาวบ้านในชุมชน ส่วนเทือกเขาที่ว่านี้คือ “เขาหลวง” เทือกเขาที่พาดไปตามแนวยาวของคาบสมุทร และมียอดเขาหลวงเป็นยอดเขาที่สูงสุดในภาคใต้ คาดกันว่าเส้นทางที่เกลอทั้งสองฝั่งติดต่อกันน่าจะเป็นช่องเขา บริเวณนี้น่าจะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ทางสังคมและเศรษฐกิจในสมัยก่อน ต่อมาจึงได้มีการปรับปรุงเส้นทางตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

            หนึ่งในเหตุผลที่ท่านนายอำเภอสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ทำนองนี้ นอกจากได้ทำความรู้จักพื้นที่และคนในท้องถิ่นแล้ว ยังสามารถนำความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับการปกครองท้องถิ่นเช่นกัน

และนำไปสู่การพัฒนาซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมที่เคยใช้สัญจรกันให้กลับมาใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นการเพิ่มช่องทางการเดินทางที่สะดวก และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนสองฝั่งเขาทางตะวันตกและตะวันออก ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสาธารณสุขโดยใช้กลไกของทางภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ

ในมุมมองของนักปกครอง ความสำคัญของการเล่าเรื่องคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อสังคม

            สำหรับท่านนายอำเภอศรายุทธ วิธีการเล่าเรื่องของท่านมักจะผ่านหนังสือและทางโซเชียลมีเดีย ใช้ภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย ท่านได้ให้นิยามการทำงานเชิงพื้นที่ว่า “เปรียบเสมือนเสื้อสั่งตัด” ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำในการวัดขนาด เพื่อตัดเสื้อให้พอดีกับตัว หลักในการเล่าเรื่องนั้นต้องให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่เกี่ยวกับท้องถิ่นของตัวเองว่ามีความเป็นมาอย่างไร เข้าใจและมองเห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างชาวบ้านและภาครัฐ ในการพัฒนาชุมชนให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเอง         

อย่างอำเภอพิปูนที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมือง 4 น้ำ”  คือ แหล่งต้นน้ำ บ่อน้ำพุร้อน น้ำตก และอ่างเก็บน้ำ หากไม่ใช่คนพิปูนก็ไม่อาจทราบได้ และยังเป็น “เมืองทะเลสาบในหุบเขา” หรือ ที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “เมืองสองอ่าง” ลักษณะภูมิประเทศมีภูเขาล้อมรอบคือ เขาหลวง เขาพระ เขากะทูน ทางตะวันตกมีเขากะเปียดเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางธรรมชาติระหว่างอำเภอพิปูนและอำเภอฉวาง ผลผลิตทางการเกษตรขึ้นชื่ออย่าง ทุเรียนพิปูนซึ่งเป็น “ทุเรียนเมืองชื้น” เนื้อทุเรียนจึงแตกต่างจากแหล่งปลูกอื่น หรืออีกชื่อที่คนพิปูนพยายามสื่อสาร นั่นคือ  “ทุเรียน 2 น้ำ”  ซึ่งมาจากน้ำฝนและน้ำพระทัย (อ่างเก็บน้ำกะทูน) หนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งหมดนี้เป็นต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติที่จะพาอำเภอพิปูนก้าวไปสู่เมืองท่องเที่ยวในอนาคตได้ นับเป็นการเล่าเรื่องที่ผสมผสานอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นได้อย่างลงตัว

            จากวรรณกรรมท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านที่ถ่ายทอดต่อกันมา หากนำมารื้อฟื้น ต่อเติมในส่วนที่ขาดหาย สร้างเรื่องราวที่เพิ่มคุณค่าให้แก่ชุมชน ไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมโยงผู้คนกับพื้นที่เข้าด้วยกัน การหยิบยกบางประเด็นหรือตั้งข้อสังเกตบางอย่างอาจนำไปสู่การพัฒนาสังคมได้ การศึกษาประวัติศาสตร์ในมุมมองของนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ที่อยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเกิด จึงมุ่งไปที่เรื่องราววิถีชีวิตชุมชนกันมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนให้ชุมชนก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หากยามใดเมื่อเกลอเดือดร้อน เกลอต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพราะ “ความเกื้อกูล” คือ รากเหง้าของท้องถิ่น การมองย้อนกลับไปในอดีต บางทีอาจช่วยให้เราเข้าใจเรื่องราวในปัจจุบันมากขึ้นก็เป็นได้

หมอพื้นบ้าน สืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษ คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด หรือ (หมอจูน)

ในสถานการณ์ปัจจุบันเราเจอโรคร้ายที่เกิดขึ้นจากโรคระบาดโควิด-19 ทั่วทุกมุมโรคที่ทุกฝ่ายต่างต้องรับมือกันอย่างมากในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และเร็วๆนี้เอง แพทย์ทางเลือกอย่างแพทย์แผนไทยก็เข้ามามีบทบาทในการใช้สมุนไพรไทยในการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงเชิญหมอจูน ผู้ซึ่งมีองค์ความรู้เกี่ยวกับทางด้านสมุนไพร องค์รวมของธาตุในร่างกายของคน ที่สามารถรักษาผู้ป่วยจากโรคต่างๆ รวมถึงรักษาตัวเองจากโรคหัวใจให้หายได้ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยสมุนไพร

“คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด” หรือ (หมอจูน)

คุณผดุงพร ฤทธิช่วยรอด หรือ (หมอจูน)

หมอจูน เป็นหมอพื้นบ้านที่ได้รับการสืบทอดภูมิปัญญาทางด้านสมุนไพร และมีความรู้จากการนวดของวัดโพธิ์ แต่เส้นทางชีวิตถูกลิขิตให้มาช่วยรักษาคนจากนิมิตรในฝัน ได้คาถามาจากในนิมิตรว่า

“โอม โรคามฤคตินทร์ ติโลกะนาถัง นะวะสังข์ คงคานัง อัคคีนัง เอวัง เจวัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ โพธินัง”

ซึ่งเป็นพลังคลื่นนวสังข์ โดยใช้ศาสตร์ที่ได้จากนิมิตรมาดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะดูจากวันเดือนปีเกิด ธาตุเกิดของเจ้าเรือนคือธาตุไหน ซึ่งธาตุของแต่ละคนจะถูกกำหนดโรคของแต่ละคนมาแล้ว คนส่วนใหญ่จะป่วยจากระบบเลือดในร่างกายของตัวเอง หมอจูนจึงนำศาสตร์นี้มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย

ธรรมชาติได้สร้างอาหารมาให้มนุษย์

            โดยหมอจูน ได้บอกไว้ว่า จริงๆแล้วธรรมชาติได้สร้างอาหารทางธรรมชาติมาให้มนุษย์แล้ว เพียงแต่มนุษย์ไม่นำมาใช้ให้ถูกต้อง ถ้าร่างกายได้รับสารอาหารที่ถูกกับธาตุ ถูกกับสภาพอากาศ ร่างกายของเราก็จะไม่ป่วย เพราะธรรมชาติจะให้ยาเอาไว้ทุกฤดู ซึ่งในแต่ละฤดูก็จะมีอาหารที่ออกมาเพื่อไว้คอยให้เราได้บริโภค

หมอจูนให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับอาหารธรรมชาติว่า

ทำไมฤดูฝน ผลไม้จะมีรสร้อน

ทำไมฤดูหนาวต้องกินอาหารรสร้อน

ทำไมหน้าแล้ง ให้ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม สัปปะรด แตงโม

มาใช้ในการรักษา นั่นคือ ธรรมชาติให้อาหารที่ครบหมดทุกอย่าง แต่คนไม่เลือกนำมาใช้ จึงทำให้คนเจ็บป่วยได้ง่ายเท่านั้นเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าปัญหาที่ทำให้คนป่วยคือเรื่องของระบบเลือด หมอจูนจึงเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโรคที่หมอจูนเป็น หมอจูนป่วยมาตั้งแต่กำเนิด เป็นโรคโลหิตจาง โรคทารัสซีเมียร์ และได้ทำการตรวจเช็คอย่างละเอียดปรากฏว่าหมอจูนเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และมีโรคเกี่ยวกับกระดูก จึงทำการรักษาตัวเอง เพราะถ้ายังรักษาตัวเองไม่ได้ หมอจูนก็คงรักษาคนอื่นไม่ได้เช่นกัน

ในระหว่างที่ทำการรักษาตัวเอง หมอจูนก็ได้ไปเรียนเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างกระดูก ศาสตร์เกาหลี เพื่อมาช่วยในการรักษาโรคกระดูกที่หมอจูนเป็น ก็ได้ทำการรักษาตัวเอง และในระหว่างการรักษาตัวเองก็ได้ทำการรักษาผู้ป่วยท่านอื่นๆด้วย รักษาผู้ป่วยอื่นมาตั้งแต่ปี 2545 เริ่มรักษาจากการนวด โดยเปิดตำรา ว่าโรคเป็นยังไง สาเหตุของโรคเป็นยังไง และการวิ่งของระบบเส้นเอ็น หรือเส้นประสาท เป็นยังไง ซึ่งระบบประสาท คือระบบพลังงานแห่งกายที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของพลังแสง เหมือนระบบหยิน หยาง ของจีน  คือระบบพลังงานไฟฟ้าแห่งกายและก็คือระบบประสาท และเมื่ออายุหมอจูนมากขึ้นในช่วงวัยเกษียณก็เลิกรักษาด้วยการนวด เพราะด้วยร่างกายและอายุที่มากขึ้น เลยหันมาศึกษาพัฒนาเกี่ยวกับสมุนไพรแทน เพื่อที่จะผลิต ผลิตภัณฑ์ ออกมาช่วยผู้ป่วยเพื่อบรรเทาอาการและถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อที่จะได้สามารถดูแลรักษาตัวเองได้เบื้องต้น

อย่างเช่น อาการปวดเมื่อยร่างกาย เป็นการบ่งบอกว่าร่างกายป่วยแล้ว ทำงานเยอะจนร่างกายเกร็งก็ไปบีบหลอดเลือดให้ลีบลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อเรานวดกระจายกล้ามเนื้อ เลือดก็จะไหลเวียนได้สะดวก อย่างที่คนโบราณกล่าว เลือดลมดี สุขภาพดี ลมเป็นตัวพัดพาเลือดไปเลี้ยงในร่างกาย จึงต้องพยายามถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้น และปรับในเรื่องการทานอาหาร ถ้ากรณีที่ระบบย่อยอาหารไม่ได้ ต้องไม่ทานข้าวหลัง 4 โมงเย็น เพราะเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ธาตุไฟไม่ทำงานแล้ว ธาตุน้ำจะเริ่มทำงานแทน โดยพระอาทิตย์ธาตุไฟทำงานกลางวัน พระจันทร์ธาตุน้ำทำงานกลางคืน เพราะฉะนั้นพระจันทร์จะซ่อมแซม ถ้าไปทานอาหารตอนกลางคืนแล้วนอน ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซม แต่อาหารที่ทานเข้าไปเกิดการหมักดอง ของเชื้อโรค อาหารก็จะเน่าเสียทันที ยิ่งตอนเช้าไม่ได้ถ่ายด้วย ร่างกายก็จะดึงของเสียนั้นไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้เป็นโรคเซลล์เสื่อมโดยส่วนใหญ่ เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน มาจากโรคเซลล์เสื่อม เกิดการอักเสบ ร่างกายเราจะทำงานได้ดีแค่บ่าย 2 โมง ร่างกายจะมีนาฬิกาซ่อมแซม ซึ่งสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ถ้าเราทานอาหารครบอย่างที่ธรรมชาติกำหนดไว้ให้

การรักษาในแบบของแพทย์แผนไทยถ้าเรามองให้ดีมันมีเสน่ห์ของการรักษาในศาสตร์ที่เชื่อมโยงกันไปมาที่มากกว่าการแพทย์ซึ่งได้แก่

-ศาสตร์ทางพุทธศาสนา

-ศาสตร์ทางโหรศาสตร์

-ศาสตร์ทางพฤกษศาสตร์

-ศาสตร์ทางความเชื่อ

            ศาสตร์ทั้งหมดที่กล่าวมา ทางหมอจูนได้นำไปใช้รักษากับชาวห้วยปริก ในเคสล่าสุดที่ผ่านมาคือเส้นเลือดแกนสมองปริ ในทางแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าไม่น่ารอด แต่ถ้าจะให้หมอจูนรักษาต้องเชื่อในสิ่งที่หมอจูนบอก โดยวิธีการรักษาถามวัน เดือน ปี เกิด อารมณ์ ธาตุต่างๆในร่างกาย โดยหมอจูนได้ให้ทานยาบำรุงโลหิต ยาบำรุงเส้นเอ็น และอวัยวะพิเศษ และใช้วิธีการนวดกระตุ้นเพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียนได้เร็วที่สุด เพราะเซลล์เม็ดเลือดมีอายุได้เพียง 120 วัน และถ้าเราเปลี่ยนถ่ายเซลล์เม็ดเลือดได้ภายใน 3 เดือนก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ยกเว้นคนนั้นเป็นโรคกรรมยางหนัก คือโรคที่เราไม่สามารถไปแก้กรรมเค้าได้

ซึ่งในการรักษาโรคต่างๆ หมอจูนได้นำศาสตร์ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยมาทำการประยุกต์เข้ารักษา เพราะ “การรักษาแผนโบราณจะรักษาได้แค่เรื่องธาตุ ปรับสมดุลธาตุ แต่ในเรื่องของทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่ป่วยแบบกะทันหัน หรือติดเชื้อ ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอแพทย์แผนไทยไม่สามารถรักษาได้ ในขณะนั้น และหลังจากที่ได้รักษาแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว และต้องการมาฟื้นฟูเซลล์ เพื่อสุขภาพ เราต้องใช้ธรรมชาติในการบำบัด เพราะวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบำบัดธาตุได้ทั้งหมด”

การรักษาของหมอจูนแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ

1.การรักษาด้วยวิธีทานยาต้ม อันนี้จะใช้รักษากับคนที่เป็นโรคเซลล์เสื่อม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน กลุ่มนี้จะนวดเยอะไม่ได้จะนวดได้แค่เพื่อสุขภาพ จึงต้องใช้ยาสมุนไพรเข้ามาช่วย

2.การรักษาโดยวิธีการนวด เช่น คนที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้วิธีทั้งนวด และต้มยาสมุนไพรให้ทาน ถึงจะสามารถช่วยให้หายได้

นอกจากการรักษาทางแพทย์แผนไทยแล้ว ความเชื่อก็มีส่วนในการรักษาด้วยเช่นกัน เพราะการป่วยบางครั้งไม่ได้ป่วยจากโรคในกาย แต่เป็นการป่วยทางด้านจิตวิญญาณก็มี  ดังนั้นเมื่อจะรักษาเราต้องแก้ความเชื่อให้ได้ก่อน ซึ่งความเชื่อทางด้านนี้มีมากถึง 60-70%

เมื่อเราอ่านธรรมชาติให้ออก เราก็จะอ่านอาการเจ็บป่วยไม่สบายของเราได้ ต้องสังเกตตัวเองว่าธาตุเราคืออะไร ปรับสมดุลธาตุได้ไหม และการนั่งสมาธิสามารถก็สามารถช่วยรักษาโรคได้ โดยการกำหนดจิตในการหายใจลงไปยังที่สะดือให้ถูกต้อง คุณก็สามารถรักษาอาการของคุณได้

และในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดโรคโควิด หมอจูนได้แนะนำยาแพทย์แผนไทนที่ควรทาน เพื่อป้องกัน หรือช่วยบรรเทาอาการนั้น ปกติจะเป็นยาสามัญประจำบ้าน คือเบญจรงค์ กับวิเชียร หรือยา 5 ราก จะเป็นยาแก้ไข้พิษ ไข้กาล และยาจันทลีลา หรือใช้หญ้าน้ำนมราชสีห์ สำหรับเวลามีไข้มากๆ ซึ่งสามารถช่วยรักษาต่อมทอลซินอักเสบได้ด้วย

ในการพูดคุยวันนี้ หมอจูนเป็นหมอพื้นบ้านที่ต้องบอกว่า นำศาสตร์ในตำนานโบราณ ที่อ่านแล้วไม่ได้เชื่อไปตามนั้นแต่เป็นการอ่านแล้วนำมาสังเคราะห์ วิเคราะห์ เอามาเชิงเปรียบเทียบกับในด้านวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ทำให้หมอจูนสามารถรักษาตัวเองผ่านพ้นวิกฤตทางด้านร่างกายมาได้ และนำองค์ความรู้ที่ได้ศึกษามา มาแบ่งปันและช่วยรักษาผู้ป่วยให้กับชาวห้วยปริก และคนนครฯ

10 ร้านอาหารดังเมืองนคร หรอยจนต้องบอกต่อ

ร้านอาหารเมืองนคร มีของอร่อย เมนูเด็ดมากมาย วันนี้ นครศรีสเตชั่นขอแนะนำ 10 ร้านอาหารที่ใครมาถึงนครแล้วหากไม่ได้ลองชิมถือว่าท่านพลาด

Continue reading

10 พระเครื่องนครศรีธรรมราช เชิญมากราบไหว้บูชา ขอพร สัมฤทธิ์ผลหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย

เอาใจสายมู กับของขลัง กับ 10 พระเครื่องชื่อดังเมืองนครฯ  หากเราพูดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากอาหารอร่อย ของพื้นเมืองขึ้นชื่อ และที่ท่องเที่ยวสุดชิคแล้ว ก็ต้องไม่พลาด เครื่องรางของขลัง ที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน และวันนี้ เราก็จะพาไปรู้จักกับ 10 พระเครื่องนครศรีธรรมราชกัน

1.องค์จตุคราม รามเทพ

องค์จตุคาม รามเทพ วัดพระธาตุ

            ชาวนครฯเชื่อกันว่าองค์จตุคราม รามเทพนั้น คือองค์ที่คอยปกปักรักษาบ้านเมืองและผู้ศรัทธาให้มีแต่ความสุข ความเจริญ เพราะเป็นองค์สมมติเทพคือ พระนารายณ์อวตาร นั่นเอง ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า

“มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก” การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ผิดศีลธรรม

2.พ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน

            พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์”  ประชาชนและลูกศิษย์ต่างเคารพนับถือพ่อท่านคล้าย ด้วยพ่อท่านจะพูดจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส อารมณ์เยือกเย็น พร้อมให้พรทุกคนอยู่เสมอ เนื่องจากท่านขึ้นชื่อเรื่องวาจาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจึงกลัวท่านตำหนิมาก เพราะเชื่อว่าทุกคนที่ถูกตำหนิจะพบกับสิ่งวิบัติ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงหวังจะได้รับคำอวยพรจากท่านกันแทบทั้งสิ้น และนอกจากคำอวยพรแล้ว วัตถุมงคลจากพ่อท่านคล้ายก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างเสาะแสวงหาเพื่อนำมาบูชาเช่นเดียวกัน

3.หัวนะโม

หัวนะโม

            หัวนะโม เครื่องรางของขลังที่ชาวนครฯรู้จักดี  ที่เรียกว่า “หัวนะโม” มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ มีอักษรปัลลวะหรืออักษรอินเดียโบราณจารึกไว้บนเหรียญ ตอนที่เกิดโรคห่าระบาด กษัตริย์แห่งอาณาจักรได้นำหัวนะโมที่ปลุกเสกไปโรยไว้รอบๆเมือง ปรากฎว่าโรคห่าได้หายไป จึงเป็นที่มาของการบูชานับถือจนถึงปัจจุบันนี้  โดยในปัจจุบันนิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับ ตกแต่งเพื่อความสวยงามในการพกพา

4.พระแม่เศรษฐี วัดร่อนนา

พระแม่เศรษฐี วัดร่อนนา

            ว่ากันว่าเมื่อ 800ปีก่อนมีครอบครัวเศรษฐีที่มีลูกสาว 1คน แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้นางพลัดตกน้ำไป และไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่พบ ด้วยความรักที่มีต่อบุตรสาว เศรษฐีจึงให้สร้างรูปปั้นลูกสาวของตน แต่ไม่ว่าจะสร้างยังไงก็ไม่เหมือน จนรู้ถึงหูพระอินทร์จึงให้พระวิษณุแปลงกายมาเป็นพราหมณ์เฒ่าลงมาช่วยจนสำเร็จ จึงกลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้องค์แม่เศรษฐีขึ้นชื่อเรื่องการขอบุตร หากใครต้องการมีบุตรธิดาก็ต่างมาขอที่นี้ และสมหวังก็จะนำรูปถ่ายของลูกมาไว้ที่ศาลเจ้าของเจ้าแม่นั่นเอง

5.ไอ้ไข่

ไอ้ไข่ วัดเจดีย์

              นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไอ้ไข่” เพราะขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภ เลขเด็ด ทำมาค้าขึ้น โดยผู้ที่บูชาต่างก็ได้รับโชคดีกันไปตามๆกัน จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาที่วัดดอนเจดีย์ ไม่ขาดสายนั้นเอง  โดยตามตำนาน ไอ้ไข่ นั้น มีมากมายหลายเรื่องด้วยกัน

อาทิ เช่น ไอ้ไข่คือวิญญาณเด็กที่ติดตามหลวงพ่อทวด เมื่อหลวงพ่อทวดธุดงค์มาที่วัดร้างแห่งนี้ และให้วิญญาณดวงนี้เฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของแผ่นดินที่อยู่ภายในวัดไว้ เป็นต้น

6.พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

            พ่อท่านคลิ้ง พระอริยสงฆ์แห่งเมืองนครฯ ที่มีอายุถึง 104ปี และสังขารไม่เน่าเปื่อย โดยท่านออกบวชตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และครองเพศบรรพชิตมาตลอดจนกระทั่งละสังขาร พ่อท่านคลิ้งขึ้นชื่อเรื่องคาถาอาคม ท่านยังปลุกเสกวัตถุมงคลไว้มากมาย อาทิ ลูกอมชานหมาก พระปิดตาเนื้อผงผสมหว่าน เป็นต้น โดยวัตถุมงคลท่านพ่อคลิ้งนั้นเด่นไปทาง เมตตามหานิยม โภคทรัพย์ แคล้วคลาด ปลอดภัย นั่นเอง

7.พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง

.พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง

            ไม่มีเกจิใดไม่รู้จักเหรียญของพ่อท่านซัง แห่งวัดวัวหลุง เพราะเป็นเหรียญที่มีราคาแพงที่สุดในเมืองนครฯ  ด้วยเป็นพระคณาจารย์ในยุคเก่าที่มีบารมีสูง ว่ากันว่า ท่านไม่เคยสร้างเหรียญหรือรูปถ่ายใดใด จะมีก็แต่เครื่องรางประเภทตะกรุด เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ไม่มากนัก ทำให้มีราคาสูงมาก ซึ่งเหรียญถูกสร้างมาภายหลัง ขึ้นชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ทำให้เป็นที่หมายปองของคนที่ชอบสะสมของเหล่านี้เป็นอย่างมาก

8.พ่อท่านเขียว วัดหรงบล

พ่อท่านเขียว วัดหรงบล

            ชื่อเสียงของพ่อท่านเขียว เกิดจาก ลูกศิษย์ต้องการของดีจากอาจารย์เป็นที่ระลึก จึงนำผ้าขาวแล้วนำผผงขมิ้นมาทาฝ่าเท้าของพ่อท่าน ประทับลงบนผ้าขาวและให้ท่านอธิษฐานจิตลงบนผ้าขาวนั้นจึงนับเป็นผ้ายันต์ ต่อมามีคนลองนำไปทดลองใช้ปืนยิง ปรากฎว่าปืนด้าน ยิงไม่ออก จนทำให้เลื่องลือเป็นที่กว้างขวางนับแต่นั้นมา  ต่อมาก็มีชาวบ้านนำชานหมากของท่านมาปั้นเป็นลูกอม ได้ผลชะงักในการป้องกันสัตว์มีพิษนักแล ต่อมาเมื่อมีผู้ต้องการมากขึ้นท่านก็ได้ทำสิ่งอื่นออกมา ต่างก็ปรากฎปาฎิหาริย์ต่างๆ เสมอๆ นั่นเอง

9.พ่อท่านมุ้ย วัดป่าระกำเหนือ

พ่อท่านมุ้ย วัดป่าระกำเหนือ

            พ่อท่านมุ้ย หรือพระครูนิโครธจรรยานุยุต พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองนครฯ เป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา โดยพ่อท่านมุ้ยเป็นพระวิปัสสนา ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และยังมีความรู้ทั้งด้านหมอยาสมุนไพร ว่ากันว่ายุคก่อนที่หมอจะมีความรู้ พ่อท่านก็ได้ช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหญิงที่คลอดยาก ให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น ต่อมาเมื่อชราภาพจึงหยุดไป แต่ก็ยังทำลูกอมให้ เพื่อชาวบ้านที่มาขอไปแช่น้ำให้หญิงที่จะคลอดดื่มและนึกถึงพ่อท่าน ก็จะคลอดง่าย ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเช่นเดียวกัน

10.พ่อท่านกล่ำ วัดศาลาบางปู

พ่อท่านกล่ำ วัดศาลาบางปู

            พ่อท่านกล่ำ แห่งวัดศาลาบางปู พระอริยสงฆ์ที่ให้กำเนิดยันต์ 8ทิศ ราหู 8 ตน พระครูวิสุทธิจารี หรือพ่อท่านกล่ำถือพรมจรรย์ บวชเรียนตั้งแต่สามเณรจนละสังขารตอนอายุได้ 96 ปี และร่างของท่านยังเก็บอยู่ในมณฑป โดยที่เส้นเกศา หรืออวัยวะต่างๆ ต่างไม่เสื่อมสลายไป นับเป็นอีกหนึ่งพระเกจิที่ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            เมืองนครศรีธรรมราช ไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงด้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงของพื้นเมืองต่างๆ และก็ยังมีพระเกจิชื่อดังที่เป็นที่เลื่อมใส ศรัทธา ของชาวบ้าน และผู้คนมากมาย ถือเป็นเมืองที่เราทุกคนควรไปเยือนสักครั้งในชีวิตเลยทีเดียว

กระเป๋ากระจูด งานหัตถกรรมเพิ่มมูลค่า เก๋ไก๋ทันสมัย ของดีเมืองนคร

“กระจูด” หรือ “จูด” เป็นเป็นพันธุ์ไม้จำพวก “กก” ลำต้นมีลักษณะกลม สีเขียวอ่อน สูงประมาณ 1-2 เมตร ออกดอกเป็นกระจุกแน่นคล้ายกับดอดกระเทียม เจริญเติบโตเป็นกลุ่มใหญ่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือในระบบนิเวศพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือป่าพรุที่มีน้ำขังตลอดปีที่ระดับความลึกประมาณ 1-2 เมตร แพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะมาดากัสการ์ ลังกา สุมาตรา มอริเซียส หมู่เกาะต่างๆ ในแหลมมลายู ฮ่องกง บอร์เนียว รวมไปถึงทวีปออสเตรเลียฝั่งตะวันออก ส่วนในประเทศไทยพบได้แถบภาคตะวันออกและภาคใต้

กระเป๋ากระจูดจากหญ้าไร้ราคา เพิ่มมูลค่าด้วยหัถศาสตร์ภูมิปัญญาชาวบ้าน

การสานกระจูด เครดิตภาพ smartsme.co.th

ประเทศไทยพบกระจูดมากในพื้นที่ป่าพรุของตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแหล่งของกระจูดที่มีคุณภาพดี เหนียวและทนทาน ชาวบ้านมักจะนำกระจูดมาจักสานเป็นข้าวของเครื่องใช้ภายในครัวเรือน โดยใช้ภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นของปู่ย่าตายาย ซึ่งชาวบ้านสานกันเป็นแทบทุกคนอยู่แล้ว งานสานที่นิยมทำกันมากก็คือ “เสื่อกระจูด” ที่เอาไว้ใช้สำหรับปูนอน และทำขายด้วยแต่กลับไม่มีตลาดรองรับ

ทว่าในปัจจุบันได้มีการพัฒนาต่อยอดดัดแปลงจนกลายมาเป็นกระเป๋ากระจูดสานแฟชั่น ที่มีดีไซน์สวยเก๋ และมีลวดลายต่างๆ หลายแบบให้เลือกมากขึ้น รวมทั้งมีหลายสีให้เลือกด้วยเพราะมีการนำกระจูดมาย้อมสีด้วยสีย้อมจากธรรมชาติ เหตุผลที่ชาวบ้านเลือกใช้สีย้อมจากธรรมชาติแทนที่จะใช้สีย้อมจากสารเคมีนั้นก็เพราะว่าการใช้สีย้อมจากสารเคมีจะส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลร้ายต่อสุขภาพของชาวบ้านเองด้วย

นอกจากการสานกระจูดจะมีการพัฒนาในเรื่องของสีสันแล้ว ยังมีการพัฒนาในเรื่องของลวดลายที่สานอีกด้วย โดยการนำกระจูดที่ย้อมสีแล้วมาสานเพื่อทำให้เกิดลวดลายที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งลวดลายที่สานนั้นก็มีทั้งลายดั้งเดิม ได้แก่ ลายขัดหนึ่ง ลายขัดสอง และลายขัดสาม ซึ่งเป็นลายพื้นฐาน เมื่อสานลายพื้นฐานเหล่านี้จนชำนาญก็สามารถประยุกต์ไปเป็นลายขั้นสูงได้ เช่น ลายตอกคู่ ลายขัดตาหมากรุก ลายดอกพิกุล เป็นต้น

ลายขัดสอง หรือลายสอง เป็นลายที่นิยมมาสานเป็นลายของเสื่อมากที่สุด เพราะสานง่าย สร้างความแข็งแรงให้กับเสื่อ และสวยงามกว่า และยังสามารถดัดแปลงเป็นลายอื่นๆ  ได้อีกหลายลาย เช่น ลายลูกแก้ว ลายดาวล้อมเดือน ลายดาวกระจาย เป็นต้น

การสานกระจูด เครดิตภาพ kajood.com

ส่วนลายประยุกต์ หรือลายที่มีการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภคเพื่อทำการขยายตลาดเพิ่มนั้น ได้แก่ ลายตัวแอล ลายสก๊อต ลายฟันปลา ลายรองจาน เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ชื่อเสียงของเครื่องจักสานกระจูดจากเมืองนครศรีธรรมราชเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้นเนื่องจากเป็นแหล่งผลิตสินค้าจากต้นกระจูดแท้ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพราะต้นกระจูดเป็นพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในท้องถิ่นและมีความชุกชุมมาก ทำให้หาได้ง่าย ไม่ต้องลงมือปลูกเองเลย ดังนั้นชาวบ้านจึงสามารถแปรรูปกระจูดตั้งแต่การเก็บกระจูดสดไปจนถึงขั้นตอนของการทำกระจูดสานโดยที่ยังใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมอยู่ได้ แค่ปรับจากการสานไว้ใช้งานเองในครัวเรือนมาเป็นการสานกระจูดในเชิงของธุรกิจแทน

ซึ่งนอกจากจะมีกระเป๋าสานกระจูดแล้ว ยังสามารถสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น เช่น พัด กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ รองเท้าแตะ ที่ใส่โน้ตบุ้กหรือไอแพด หรือของตกแต่งบ้านต่างๆ เช่น ปลอกคลุมเก้าอี้ ที่รองแก้ว ที่รองจาน ที่ปูโต๊ะ เป็นต้น

และจุดเด่นของกระเป๋าสานจากกระจูดอยู่ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งทน และกระจูดยิ่งเก่าก็จะออกสีเหลืองทอง มีความเหนียว ทนทาน การเก็บรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากเพียงแค่วางเก็บไว้ในที่ร่ม และถ้าเป็นไปได้ยิ่งใช้กระเป๋าได้บ่อยเท่าไหร่กระเป๋าก็จะยิ่งนิ่มขึ้นเท่านั้นอีกด้วย

กระเป๋ากระจูดหัตกรรมพื้นบ้าน ปรับตัวเฉิดฉายสร้างรายได้ออนไลน์เป็นกอบเป็นกำ

Live ขายกระเป๋ากระจูด เครดิตภาพ กระจูดไทย [Krajoodthai]

ปัจจุบันช่องทางในการจัดจำหน่ายก็มีมากมายหลากหลายช่องทางเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อตามความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์ที่วางขายผ่านหน้าร้าน และที่ทำการไปรษณีย์ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee, Facebook Page, Lazada, Instagram โดยเฉพาะการไลฟ์สดขายของได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เพราะสามารถสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าได้ทันทีในขณะที่ทำการไลฟ์สด ทำให้การเปิดขายผ่านไลฟ์สดในแต่ละครั้งนั้นสามารถที่จะปิดการขายได้มากกว่า 100 ชิ้นเลยทีเดียว ส่งผลให้ในแต่ละเดือนมียอดจำหน่ายมากกว่าหนึ่งแสนบาทต่อเดือน และกลายเป็นช่องทางหลักในการกระจายสินค้าให้ส่งตรงถึงมือลูกค้าในช่วงที่โควิด-19 ระบาดด้วย

นอกจากจะจัดจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังส่งไปจำหน่ายแก่กลุ่มลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่ หนองคาย ภูเก็ต หน่วยงานต่างๆ เช่น โรงแรม รวมทั้งยังส่งออกไปยังประเทศจีนมาได้ 2-3 ปีแล้วด้วย ซึ่งรูปแบบผลิตภัณฑ์จักสานจากกระจูดที่คนจีนนิยมคือ “กล่องตะกร้า” และ “กระเป๋าสาน” อีกทั้งลูกค้ายังมีทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน และข้าราชการ ซึ่งราคาของสินค้าก็เริ่มต้นที่ 100 บาทไปจนถึงราคาหลักพัน

ดังนั้นงานจักสานกระจูดจึงไม่ใช่แค่งานภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นต่อรุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นงานหัตถกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป

กินอะไรดี นครศรีธรรมราช 10 เมนูชวนชิม ไม่ได้ทานถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองนคร

เดินทางมาถึงเมืองคอน ก็ต้องมาลิ้มลองความอร่อยกับสุดยอด อาหารยอดนิยมแห่งเมืองนครศรีฯ ถ้าไม่ได้ทาน ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองคอน เรามาลำดับความอร่อยของอาหารทางเมืองคอน ...กินอะไรดี นครศรีธรรมราช ตระเวนกินตามนี้ได้เลย

1.ข้าวแกงเมืองคอน

ข้าวแกงเมืองคร เครดิตภาพ แฟนเพจร้านอาหารครัวนายหนัง

ถือว่าเป็นอาหารพื้นบ้านปักษ์ใต้ ที่ขึ้นชื่อของที่นี่เลย ซึ่งคนภาคกลางคุ้นเคยกันดีอยู่เพราะส่วนใหญ่ก็จะมีร้านมาเปิดขายใน กทม. แต่รสชาติถ้าจะให้ถึงเครื่องปรุง ต้องมาเยือนถึงถิ่นคะ จะได้รสชาติของเครื่องแกงทางภาคใต้ แกงที่นิยมและรู้จักกันอย่างดีคงไม่พ้น แกงส้ม หรือแกงเหลือง ส่วนใหญ่จะใช้เนื้อปลาต่างๆ เช่นปลากุเลา ปลากระบอก กับหน่อไม้ดอง หรือยอดมะพร้าวอ่อน มาทำเป็นส่วนผสม คลุกเคล้ากับเครื่องแกงเหลืองของทางภาคใต้  ตามมาด้วย กุ้งต้มกะทิ ผัดใบเหลียงใส่ไข่ สะตอผัดกะปิกุ้ง ปลาทอดขมิ้น แกงเผ็ดปลาดุกใส่ใบยี่หรา หรือใบชะพลู  ร้านที่ขึ้นชื่อ ร้านครัวนายหนัง , ร้านป้าล้วน , ข้าวมันแกง ซอยราชเดช

2.กาแฟ โรตี ติ่มซำ ซาลาเปา

ติ่มซ้ำ เครดิตภาพ แฟนเพจ สมบูรณ์โอชา

อาหารเช้าที่ชาวนครชื่นชอบในการทานคือ การจิบกาแฟยามเช้า หรือชาโบราณรสเข้มข้น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในการจิบกาแฟ ของคนที่นี่ ตามด้วยการทานติ๋มซำ ไม่ว่าจะเป็นขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา มีให้เลือกมากกว่า 50 รายการ ควบคู่กับการจิบชาร้อน  และที่ขาดไม่ได้นั่นคือปาท่องโก๋ จิ้มกับสังขยา หรือนม ให้ความอร่อยที่ลงตัว ร้านที่คนนิยมไปทานและขึ้นชื่อ ร้านโกปี๊ร้าน มีหลายสาขาให้เลือกทาน , ราชรสติ๋มซำ ,ตังเกี๋ย แต่เตี้ยม ,สมบูรณ์โอชา

3.ข้าวยำ ขนมจีน

ขนมจีน เครดิตภาพ แฟนเพจ นครศรีธรรมราช

หลังจากจิบกาแฟแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองความอร่อยของข้าวยำ ขนมจีน ซึ่งอาหารเช้าแบบปักษ์ใต้ก็คือ ข้าวยำ  ในส่วนของขนมจีน ก็มีให้เลือกมากมายเช่น น้ำยาปลา น้ำยากะทิ แกงไตปลา น้ำพริก ซึ่งกินร่วมกับผักสด และผักพื้นบ้าน หรือจะเป็นผักดอง ก็อร่อยไม่แพ้กัน ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อ..ร้านขนมจีนเส้นสดแม่แอ็ด , ร้านขนมจีนพี่นี สะพานยาว จัดเป็นร้านอาหารที่เก่าแก่ของเมืองนคร , ขนมจีนเมืองคอน

4.บะกุ๊ดเต๋

บะกุ๊ดเต๋ เครดิตภาพ เพจร้านโกปี้ 1942

จัดว่าเป็นอีกอาหารเช้าประเภทนึง ที่นิยมทานกับ ติ๋มซำ บะกุ๊ดเต๋ จะเข้มข้นด้วยน้ำซุปพะโล้ที่ตุ๋นกับกระดูกหมูใส่เครื่องปรุงยาจีน ตุ๋นจนกระดูกหมูเปื่อย ร้านที่แนะนำและมีหลายสาขาคือร้าน โกปี๊ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อ และหาร้านทานได้ง่าย เพราะมีสาขากระจายอยู่ตามเมืองนคร

5.อาหารทะเล หรืออาหารซีฟู๊ด

อาหารทะเล เครดิตร้าน สิชลซีฟูด

 

ขึ้นชื่อว่ามาเมืองทะเล คงพลาดไม่ได้ที่ต้องทานอาหารทะเล โดยเฉพาะตามชายฝั่งสิชล ท่าศาลา ขนอม ก็จะมีร้านอาหารทะเลเรียงรายอย่างมาก อาหารก็คงไม่พ้นจำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา นิยมนำมาปรุงกับเครื่องแกงสมุนไพรสดๆ คลุกเคล้าด้วยกะปิ ที่เลอรส จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด หรือจะนำมาต้มกับกะทิ    ในแบบครัวชาวใต้ก็ได้ กินกับผักสด และผักพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กุ้งราดซอสมะขาม แกงส้มปลากะพง ปลาหมึกทะเลย่าง หอยนางรมสด เป็นต้น ร้านที่จัดว่าเด็ด…ร้านซีนอล เรสเตอรองท์ , ริมเลซีฟู๊ด , สิชลซีฟู๊ด ,ขนมซีฟู๊ด ,ท่าศาลาซีฟู๊ด

6.ชาชัก

ชาชัก เครดิตภาพ แฟนเพจ ร้านน้ำชาบังบ่าว

ขึ้นชื่อกันทีเดียว สำหรับชาชักแห่งเมืองดังนคร จัดว่าชาที่นี่ให้ทีเด็ดของความเข้มข้น ของชา และความกลมกล่อมที่เข้ากัน ไม่ว่าจะเป็นชาร้อน ชาชักเย็น ใครมาก็ต้องไม่พลาดชิม ด้วยลีลาของท่าชง และสีสันของชา ก็ชวนให้หลงใหล ร้านชาชัก แทบจะมีอยู่ทุกมุมของเมืองนคร นับว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม ร้านที่แนะนำ..ร้านน้ำชาบังบ่าว , ร้านบังชา ,ร้านก๊งน้ำชา

7.โรตี

โรตีป้าหนอม เครดิตภาพ Wongnai

มีชาชักที่ขาดไม่ได้ก็คงต้องเป็นโรตี เป็นของคู่กัน โรตีที่ขึ้นชื่อดั่งเดิม โรตีมะตะบะ หอมไปด้วยเครื่องเทศผงกะหรี่ และโรตีภูเขาไฟ ทีทุกร้านต่างต้องมี นอกจากนี้ยังมี โรตีทิชชู่ ที่เป็นแป้งบางกรอบ  หรือโรตีที่สุดคลาสสิค ก็คือ โรตีใส่นมน้ำตาล ร้านที่ไม่ควรพลาด..ร้านโรตีบังบ่าว ,ร้านโรตีโกบัง ,ร้านโรตีป้าหนอม ,ร้านฟารีดาชาโรตี

8.มังคุดมังกัสโต้

มังคุดคัด เครดิดภาพ แฟนเพจมังกัสโต้

เป็นผลไม้ที่จะมีในช่วง กรกฎาคม มังคุดมังกัสโต้ ให้ความหวาน มัน กรอบ นิยมนำมาปลอก รับประทานสดๆ หรือเสียบไม้ขายเป็นแท่งๆ ให้ทันยุคสมัย เพราะสามารถรับประทานได้ทั้งเนื้อและเมล็ด  หรือจะนำมาทำเป็นแกงส้ม ส้มตำ ก็ได้ มีวางขายจำหน่ายตามร้านของฝากทั่วไป และ ร้านกาแฟ Take off coffee ในสนามบิน

9.ขนมลา

ขนมลา เครดิตภาพ แฟนเพจ ขนมลาบ้านแม่พริ้ม

เป็นขนมพื้นบ้านทางภาคใต้ ที่หากินได้ยาก ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าขนมลาเป็น 1 ในขนม 5 ชนิดที่เป็นสัญลักษณ์แทน แพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม ในสมัยก่อน มีรสชาติหวานมันแบบธรรมชาติ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ปัจจุบันมีขนมลา 2 ชนิดคือลาเช็ด และลากรอบ ลาเช็ดจะใช้น้ำมันน้อย โรยแป้งหนา ส่วนลากรอบ นำลาเช็ดมาโรยน้ำตาลแล้วนำไปตากแดด แหล่งที่มีชื่อ รสชาติดีอร่อยที่สุดต้องที่ ขนมลาจากอำเภอปากพนัง

10.ส้มโอทับทิมสยาม

ส้มโอทับทิมสยาม เครดิตภาพ แฟนเพจส้มโอทับทิมสยาม

เป็นส้มโอแห่งลุ่มแม่น้ำปากพนัง มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อส้มโอสีชมพูเข้มถึงแดง คล้ายทับทิม รสชาติหวาน แห้งกรอบ และหอมนุ่ม เปลือกนอกนุ่มดุจกำมะหยี่ เยี่ยมชมและเลือกซื้อได้ที่ ไร่สวัสดิ์สุข ,ร้านเพ็ญ ส้มโอทับทิมสยาม ,คุณจอย ส้มโอทับทิมสยาม

            กินอะไรดี นครศรีธรรมราช อาหารนานาชนิดให้เราได้เลือกทานกัน พูดได้เลยว่า มาถึงเมืองนครต้องได้กินของที่ขึ้นชื่อให้ครบ ไม่อย่างนั้นมาไม่ถึงเมืองนครแน่นอน