เที่ยว 4 อิ่ม !!! ชุมชนปากพูน นครศรีธรรมราช

ในจังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่รอให้คุณเข้าไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเพื่อสัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมตามรอยความยิ่งใหญ่ในอดีต รวมไปถึงการท่องเที่ยวในแนวทางวิถีชุมชนเพื่อเปิดประสบการณ์การดำเนินชีวิตของแต่ละชุมชน การท่องเที่ยวในทุกรูปแบบนี้มีอยู่ทั่วในจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ยังคงมีที่แห่งหนึ่งที่น่าสนใจและพร้อมจะเปิดประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชม ที่แห่งนี้ก็คือปากพูน เมืองแห่ง “ความอิ่ม” ที่ทุกคนต้องมาสัมผัส

อิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มท้อง อิ่มวิถีชุมชนที่ทุก ๆ คนจะต้องมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต

ภายใต้แนวคิดความอิ่ม เมืองปากพูน เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีความน่าสนใจเพราะมีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในแต่ละกิจกรรม ซึ่งต้องบอกว่ากิจกรรมส่วนมากคือกิจกรรมที่เป็นวิถีชาวบ้านที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เริ่มตั้งแต่

อิ่มบุญ อิ่มใจ  เช่นการตักบาตรในยามเช้าเพื่อเติมพลังบุญให้อุ่นใจ วิถีชีวิตเรียบง่ายที่อาจหาได้ยากในสังคมเมืองในปัจจุบัน โดยชาวบ้านจะเตรียมอาหารคาวหวานเพื่อออกมาใส่บาตรกันในช่วงเช้ากับพระที่ออกมารับบิณฑบาตเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยจิตใจที่ผ่องใส

หากใครอยากจะไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องไปที่วัดไพศาลสถิต โดยจุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่มีโบสถ์เก่าแก่โบราณที่โอบอุ้มด้วยต้นโพธิ์ ต้นไทร เป็นภาพความสวยงามและสัมผัสได้ถึงความขลังและเก่าแก่ของวัดนี้ได้เป็นอย่างดี หรือหากใครต้องการขอพรในเรื่องของความรักแนะนำให้มาสักการะหลวงพ่อปากแดงที่ชาวบ้านเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อก็ได้เช่นกัน

อิ่มท้อง เพราะความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนอนุรักษ์และหวงแหนไว้ ทำให้ปากพูนเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้อาหารการกินของเมืองนี้ไม่เคยขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเลสด ๆ จับกันสด ๆ รสชาติหวานอร่อยถูกปากเป็นอย่างยิ่ง อาหารทะเลขึ้นชื่อของที่นี่ก็อาทิเช่นหมึก กุ้งรวมถึงปูดำที่นำไปทำอาหารได้หลากหลาย

หากใครอยากลิ้มลองอาหารวิถีชาวบ้านว่าคนที่นี่เขากินอยู่กันอย่างไร ตลาดท่าแพตลาดโบราณ 100 ปี คือคำตอบ ในตลาดแห่งนี้มีอาหารสดจำหน่ายหลากหลายทั้งผักออร์แกนิค อาหารทะเล รวมไปถึงอาหารคาวหวานรสชาติถูกปากทั้งขนมครก หมี่ผัด ขนมกรอบ ขนมเบื้องญวนและชาโบราณ

แต่หากใครอยากสัมผัสกับการทานอาหารทะเลกันสด ๆ ในบรรยากาศดี ๆ ต้องไปลองอิ่มท้องด้วยข้าวมันทะเลที่ทานกันสด ๆ กลางป่าโกงกางก็ให้บรรยากาศที่ดีไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการได้ทานข้าวมันที่หุงอย่างพิถีพิถันร่วมกับปูดำตัวโต ๆ และกุ้งเนื้อเน้น ๆ ที่นอกจากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ยังสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวมิรู้ลืม

อิ่มวิถีชุมชน จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของปากพูนก็คือการท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสลงไปสัมผัสวิถีการดำเนินชีวิตของครในชุมชนอย่างใกล้ชิดทั้งยังมีโอกาสร่วมกิจกรรมตามที่แต่ละชุมชนจัดไว้เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว หากใครนิยมชมชอบเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา บ้านผาสุกดินเผา คือสถานที่แรกที่คุณต้องไปเพื่อเรียนรู้วิถีชุมชนคนทำเครื่องปั้นดินเผารวมไปถึงภาชนะดินเผาต่าง ๆ

หรือหากใครกำลังมองหาของฝากของดีจากเมืองปากพูน น้ำตาลจากมะพร้าว คือหนึ่งในของฝากที่คุณไม่ควรพลาด เพราะถูกขนานนามว่าเป็นถึงคาราเมลของเมืองไทย กรรมวิธีการผลิตคือการนำน้ำตาลสดมาเคี่ยวให้ได้ที่จนได้เป็นน้ำตาลมะพร้าวหอมหวานซึ่งบางชุมชนก็จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกรรมวิธีการผลิตและร่วมกิจกรรมเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวอย่างใกล้ชิด หรือหากใครอยากได้น้ำผึ้งคุณภาพดีเป็นของฝากติดไม้ติดมือ น้ำผึ้งสีน้ำอ้อย เป็นอีกหนึ่งของฝากที่ได้นับความนิยมและถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวหล่ย ๆคน น้ำผึ้งสีน้ำอ้อยเป็นน้ำหวานจากธรรมชาติที่ได้จากป่าชายเลน เป็นน้ำผึ้งเดือน 5 จากเกสรดอกไม้ในป่าโกงกางจึงได้สีและรสชาติเฉพาะตัวและน่าประทับใจ

หรือใครที่อยากจะทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือการล่องเรือดูอุโมงค์ Amazon เป็นการล่องเรือเข้าไปในบริเวณป่าที่สองฝากฝั่งเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ทาให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังล่องเรือเข้าไปในป่า Amazon นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ความสวยงามและความสมบูรณ์จากธรรมชาติที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งในระหว่างกิจกรรมนี้ยังมีกิจกรรมการทานข้าวมันทะเลดังที่กล่าวไปแล้วสอดแทรกอยู่

ส่วนใครที่สนใจอยากจะรู้ว่าชาวบ้านเขามีวิถีการทำกินอย่างไร ปากพูนยังมีกิจกรรมการเรียนรู้วิถีทำกินเช่นการเดินหาหอยว่ามีวิธีการอย่างไร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมจะสามารถนำหอยที่หามาได้ไปประกอบอาหารรับประทานกันสด ๆ โดยกิจกรรมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้นับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยทีเดียว

ด้วยความหลากหลายภายใต้แนวความคิด “อิ่ม” นี้เองที่ทำให้ปากพูนเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจ น่าค้นหาและน่าเข้ามาท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้านการท่องเที่ยวที่อิงแอบไปกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ชาวปากพูนทุกคนพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนให้ได้รับประสบการณ์ดี ๆ และกลับออกไปด้วยรอยยิ้มและความประทับใจมิรู้ลืม หากอยากท่องเที่ยวด้วยความ อิ่ม ในทุกมิติ ขอให้ปากพูนคือสถานที่แรกที่คุณจะนึกถึงครับ

คุณ ยุทธนา ไกรเสม ปั้นเยาวชนคนข่าว บอกเล่าเรื่องราวท่องเที่ยวธรรมชาติ

เด็กที่สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพย่อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต การบ่มเพาะเด็กสักคนให้สามารถกลายเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนอนาคตของชาติได้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะหากประสบความสำเร็จก็ย่อมหมายมุ่งถึงความเจริญของชาติได้ในอนาคต แต่กระนั้นด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปงานนี้ก็ดูจะไม่ใช่ของง่ายเลย แต่สำหรับคนต้นแบบที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้นั้น เขามีแนวคิดที่จะบ่มเพาะให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณค่าประดุจดั่งเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าที่จะออกผลและงอกงามภายใต้การดูแลบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เขาคนนี้มีแนวคิดเช่นไรเราจะไปเรียนรู้แนวคิดที่น่าสนใจนี้ไปด้วยกัน

การเติบโตมาในครอบครัวที่เสียสละคือจุดเริ่มต้นบ่มเพาะแนวความคิดของการอุทิศตน

คุณยุทธนา ไกรเสม หรือคุณแกละหรือที่เด็ก ๆ เรียกกันว่าลุงแกละ คือบุคคลต้นแบบเจ้าของเรื่องราวที่เราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้ ลุงแกละของเด็ก ๆ เติบโตมาในครอบครัวที่บรรพบุรุษเสียสละที่ดินกว่า 200 ไร่เพื่อที่จะสร้างเป็นโรงไฟฟ้าที่ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช บรรพบุรุษของลุงแกละไม่ได้มองว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นเรื่องเสียเปรียบ แต่สิ่งนี้จะช่วยนำความเจริญมาสู่ชุมชนบ้านเกิดในอนาคต แนวความคิดเช่นนี้จึงถูกปลูกฝังมาสู่ตัวของลุงแกละด้วยเช่นกัน

ในวัยเด็กลุงแกละเป็นเด็กที่รักการอ่านมากคนหนึ่งและสนใจวิชาภาษาไทยมากเป็นพิเศษทำให้เมื่อเข้าสู่ช่วงของการเรียนในระดับชั้นอุดมศึกษาลุงแกละจึงเลือกที่จะเรียนในสาขาเทคโนโลยีการศึกษาและระดับปริญญาโทการสื่อสารมวลชน

การเรียนของลุงแกละเป็นสิ่งที่แปลกแตกต่างจากบุคคลอื่น เพราะลุงแกละใช้เวลาเรียนถึง 24 ปีจึงสำเร็จการศึกษา เหตุที่บอกว่าแปลกนั้นไม่ใช่ระยะเวลาในการเรียนที่ยาวนานแต่เป็นการเลือกที่จะลงเรียนในวิชาที่ตนเองสนใจ ลุงแกละจึงลงเรียนวิชาที่หลากหลายมากตามความสนใจ จนกระทั่งวิชาเรียนที่ลุงแกละเรียนนั้นเข้าได้กับวุฒิการศึกษาเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งที่ในความเป็นจริงจำนวนวิชาที่เรียนและจำนวนหน่วยกิตนั้นลุงแกละเรียนไว้มากกว่าที่สิ่งที่หลักสูตรกำหนดเสียอีก สิ่งนี้จึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ลุงแกละสามารถนำความรู้มาต่อยอดได้อย่างหลากหลาย

ในช่วงที่ลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น ลุงแกละได้สมัครเข้าทำงานด้านหนังสือพิมพ์ไปด้วยเพราะใจรักในด้านการสื่อสารที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนั่นเอง

จุดเริ่มต้นสู่การจัดตั้งสโมสรเยาวชนสำนักข่าวเสียงเด็ก

ในช่วงปี 2539-2540 เป็นช่วงที่ลุงแกละได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ละแวกบ้านที่ลุงแกละอยู่นั้นมีทั้งโรงเรียนและเด็ก ๆ รายล้อม ในสมัยนั้นเป็นช่วงที่คอมพิวเตอร์เริ่มถูกใช้งานในด้านต่าง ๆ ลุงแกละจึงจับเอาเด็กเหล่านี้มาเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์และก่อตั้งเป็นชมรมเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาเป็นสำนักข่าวเสียงเด็กเพื่อให้เด็กมีกิจกรรมร่วมกัน โดยการทำสำนักข่าวเสียงเด็ก เด็ก ๆ จะต้องไปหาข้อมูลเพื่อนำมาสื่อสารต่อภายใต้สโลแกน “สื่อสารถูกต้อง สร้างสันติสุข” เป็นกระบอกเสียงที่กระจายข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้แก่ชุมชนนั่นเอง

ภายใต้สโมสรนี้เด็กจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำร่วมกันภายใต้แนวความคิดที่เกิดขึ้นจากตัวของเด็กเอง เด็กทุกคนจะร่วมกันคิด ออกแบบ และสร้างกิจกรรมที่ตนสนใจและอยากทำ โดยลุงแกละจะปล่อยและให้อิสระกับเด็กอย่างเต็มที่ภายใต้การเฝ้ามองของลุงแกละ โดยหน้าที่ในการประสานงานกับการจัดหาสปอนเซอร์จะเป็นสิ่งที่ลุงแกละสนับสนุนมาโดยตลอด ตัวอย่างกิจกรรมในอดีตก็เช่นกิจกรรมพายเรื่อล่องคลองที่เด็กทุกคนในสโมสรจะมีส่วนร่วมในการทำความสะอาดคลอง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตัวของเด็กและคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี

เด็กคือเมล็ดพันธุ์ล้ำค่าในดินที่รอวันเจริญงอกงามไปในแบบที่ตัวเด็กอยากจะเป็นคือแนวคิดสำคัญของลุงแกละ

สโมสรเสียงเด็กไม่มีรูปแบบกิจกรรมที่ตายตัว ลุงแกละจะใช้วิธีการทำเป็นตัวอย่างให้เด็กได้ดู ด้วยความที่ไม่มีรูปแบบที่ตายตัวดังนั้นทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นจะมาจากความสนใจของตัวเด็กเอง โดยบางครั้ง Topic ที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาสด ๆ และลงมือทำทันทีในเวลานั้น โดยลุงแกละมีแนวคิดที่เรียกว่า Learning by Doing ทำให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวของเด็กเองในที่สุด

กิจกรรมที่เด็กได้เรียนรู้ภายในสโมสรมี 2 รูปแบบโดยรูปแบบแรกเป็นวิชาที่ลุงแกละเรียกว่า “วิชาชีวิต”ที่เด็กจะได้เรียนรู้ในเรื่องของวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นวิชาที่ไม่มีเรียนในห้องเรียนปกติ กับอีกรูปแบบคือวิชาที่เด็กสนใจอยากที่จะเรียนรู้ เป็นเรื่องสมัยใหม่ที่เด็กอยากได้ความรู้เพิ่มโดยทั้งนี้ตัวของเด็ก ๆ จะเป็นผู้ที่หาข้อมูลมานำเสนอกันและเรียนรู้ไปด้วยกัน

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือการออกแคมป์ในป่า โดยลุงแกละมีที่ดินเล็ก ๆ ที่ปล่อยทิ้งไว้ให้กลายเป็นป่าที่ลุงแกละมักใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมให้เด็กได้เข้าไปเรียนรู้การอยู่ป่า ตั้งแต่การเข้าไปอยู่อย่างไรให้ส่งผลกระทบต่อป่าให้น้อยที่สุด วิชาการอยู่ป่านี้ลุงแกละมีจุดหมายสำคัญอยู่ที่การให้เด็กเกิดความสงบจากสถานที่สงัด เพื่อให้เด็กมีโอกาสได้หลีกเร้นจากเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันที่เด็กต้องเจอในทุกวัน เด็กจึงมีโอกาสที่จะค้นพบความสุขจากความสงบที่เกิดขึ้นภายในและสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการแก้ปัญหาในชีวิตที่เด็กอาจได้พบเจอเมื่อกลับไปอยู่กับสังคมได้ดีขึ้น

เสียงเด็กคือที่พักพิงให้เด็ก ๆ ทุกคน เพราะเด็กทุกคนล้วนแต่มีข้อดีและจุดแข็งในแบบที่ตนเองเป็น

เด็กทุกคนภายใต้สโมสรเสียงเด็กคือเด็กที่ลุงแกละมองว่ามีศักยภาพในแบบที่ตัวเองเป็นทุกคน เด็กบางคนก็สามารถที่จะค้นพบความชอบและความสามารถที่แท้จริงของตนเองซึ่งในบางครั้งอาจไม่สามารถพบได้ในระบบการศึกษาปกติ เพราะความอิสระในการเรียนรู้ที่ลุงแกละมอบให้นั่นเอง เพราะลุงแกละเชื่อเสมอมาว่า เด็กทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่รอวันที่จะงอกงามเติบโตไปในแนวทางของตนเอง ทำให้เด็กทุกคนมองเห็นศักยภาพและคุณค่าของตนเอง

เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน มีความเก่งและมีทักษะที่แตกต่างกัน โดระบบการศึกษาปกติมักจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับเด็กทุกคน ทำให้หลายครั้งที่เด็กบางคนถูกบดบังศักยภาพที่แท้จริงไป แต่สำหรับเสียงเด็ก เด็กจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบและรัก ได้ค้นพบความสามารถ ความชอบที่แท้จริงของตนและหลายกรณีที่ลุงแกละยังได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่เด็กสนใจ ทำให้เด็กหลายคนประสบความสำเร็จตามเส้นทางที่เหมาะสมที่เด็กได้มีโอกาสเลือกด้วยตัวของตัวเอง เพราะเสียงของเด็กมีความหมายเสมอในนิยามของลุงแกละ

ปัจจุบันสโมสรเสียงเด็กได้รับโอกาสจากทาง facebook ให้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนดิจิทัลสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสังคม ในการเรียนรู้การสร้างตัวตนและรับทุนสนับสนุนการยิงโฆษณาจำนวน 30,000 บาท โดยลุงแกละตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องการที่จะทำให้สโมสรเสียงเด็กเป็นที่รู้จักทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เพื่อให้เด็กนอกพื้นที่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับทางสโมสรเสียงเด็กในอนาคต

สิ่งที่ลุงแกละอยากฝากถึงผู้ปกครองในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเช่นในปัจจุบัน

ลุงแกละยังทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจสำหรับผู้ปกครองก็คือ “พ่อแม่ต้องสื่อสารกับลูกให้มาก ๆ และมีทัศนคติเชิงบวกต่อลูก”  จึงจะช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยภายใต้ยุคของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมที่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีและเติบโตไปในแนวทางของตนเอง จึงไม่ควรเปรียบเทียบลูกของตนกับเด็กคนอื่น ผู้ใหญ่ต้องพร้อมที่จะรับฟังเด็ก แลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตนเองรู้กับเด็กและพร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่ตนไม่รู้เช่นกัน เพราะในปัจจุบันนี้เด็กเข้าถึงวิชาความรู้ง่ายขึ้นผ่าปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น เด็กจะเรียนรู้สิ่งที่ตนสนใจได้ง่ายขึ้นซึ่งผู้ปกครองเองก็ควรที่จะสนับสนุนสิ่งที่เด็กสนใจโดยไม่พยายามไปบงการหรือปิดกั้นความสนใจนั้น จงคิดเสมอว่าเด็กก็คือเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมจะเติบโตและงอกงามเป็นตัวของเขาเอง หากผู้ปกครองยอมรับและเปิดใจกับความสนใจและความต้องการของเขาพร้อมหการสนับสนุนอย่างเหมาะสม เด็กเหล่านี้ก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคตภายใต้เส้นทางเดินที่พวกเขาเลือกเอง นี่คือสิ่งที่ลุงแกละให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

ดร.สุรศักดิ์ ชูทอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและอนุรักษ์ทรัพยากร

ทรัพยากรธรรมชาติเปรียบเสมือนของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติมอบให้ไว้แก่โลกใบนี้ และโดยเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างก็ได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ ต้นไม้ คือหนึ่งในทรัพยากรธรรมชาติที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์ของโลกใบนี้และมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าขะเป็นเกษตรกรรมรวมไปถึงการท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้เองที่การอนุรักษ์รักษาต้นไม้จึงเป็นหน้าที่สำคัญของคนต้นแบบในบทความนี้ที่งานของท่านมีส่วนสำคัญที่ช่วยต่อยอดนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราชให้เติบโต หากทุกท่านพร้อมแล้วเราจะไปทำความรู้จักกับบุคคลต้นแบบท่านนี้กันให้มากขึ้น

จากเด็กที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติสู่ความสนใจในด้านการเกษตร

ดร.สุรศักดิ์ ชูทอง หรือ อาจารย์ขาว คือบุคคลต้นแบบที่เราจะมาทำความรู้จักกันในครั้งนี้ โดยในวัยเด็กของคุณขาวได้เติบโตและใกล้ชิดกับธรรมชาติเพราะบริเวณบ้านมีความใกล้ชิดกับป่ามากจึงได้ยินเสียงสัตว์ป่ามาตั้งแต่เด็ก และด้วยความที่ทางบ้านทำอาชีพเป็นชาวสวนจึงทำให้อาจารย์ขาวมีความคุ้นเคยกับอาชีพเกษตรกรรมมาตั้งแต่อายุยังน้อย ความคุ้นเคยนี้เองที่ทำให้ตั้งแต่การเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 อาจารย์ขาวจึงเลือกเรียนในด้านเกษตรกรรมที่โรงเรียนมาโดยตลอด

เมื่อจบการศึกษาในชั้นมัธยมต้นด้วยความที่ชอบและคุ้นเคยกับการเรียนเกษตรกรรมจึงทำให้อาจารย์ขาวเลือกที่จะขอทุนเรียนต่อด้านเกษตรกรรมในระดับ ปวช. ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช จวบจนเรียนจบจึงเบนเข็มไปเรียนเทคโนโลยีภูมิทัศน์และสอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ตามลำดับจนกระทั่งจบการศึกษาจึงกลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยจนถึงปัจจุบัน

โอกาสครั้งสำคัญกับการไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนและการดูงานเรื่องการจัดการสวนที่เมืองจีน

อาจารย์ขาวได้พลโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อหน่วยงานจากทางประเทศจีนได้เข้ามาทำข้อตกลง MOU แลกเปลี่ยนบุคลากรกับหน่วยงานของอาจารย์ขาว ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อาจารย์ขาวได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน และด้วยความโชคดีที่ทางอาจารย์ที่ปรึกษาของอาจารย์ขาวมีความชำนาญในเรื่องการบำรุงดูแลต้นไม้และสวน อาจารย์ขาวจึงได้โอกาสติดตามอาจารย์ที่ปรึกษาไปดูงานด้านการจัดการสวนสาธารณะที่มณฑลใหญ่ ๆ ในประเทศจีนเป็นประจำ ซึ่งนับว่านอกจากจะเปิดประสบการณ์ตรงให้กับอาจารย์ขาว การดูงานในแต่ละครั้งยังช่วยเสริมประสบการณ์ในเรื่องของการจัดการต้นไม้โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ ๆ ซึ่งจะป็นประโยชน์ต่ออาจารย์ขาวในอนาคต

นอกเหนือจากประสบการณ์ดังกล่าว สิ่งที่อาจารย์ขาวยังได้รับกลับมานอกจากเรื่องของภาษาก็คือเรื่องของความขยันและความตรงต่อเวลาอันจะมีผลต่อการทำงานของอาจารย์ขาวด้วยเช่นกัน

การดูแลอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่คืองานสำคัญที่ต่อยอดสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

ในส่วนของงานของอาจารย์ขาวนอกเหนือจากการเป็นอาจารย์ประจำก็คืองานในแนวทางของการดูแลอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่งานในสาขาอาชีพนี้ถูกเรียกว่ารุกขกรรม โดยมีผู้ปฏิบัติงานที่เรียกว่ารุกขกรเป็นผู้ขับเคลื่อน โดยจุดเริ่มต้นมาจากที่จังหวัดนครศรีธรรมราชประสบภัยพิบัติด้านต้นไม้ใหญ่จากเมื่อครั้งที่พายุปลาบึกพัดถล่มจังหวัด ในครั้งนั้นทำให้ต้นไม้ใหญ่ทั่วจังหวัดกว่า 2 แสนต้นล้มลง แต่ด้วยหน่วยงานต่าง ๆ ไม่มีความรู้ในการจัดการต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ทำให้ความช่วยเหลือมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือคนโดยไม่มีใครช่วยเข้าไปดูแลต้นไม้เลย ผลคือทำให้ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูกตัดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ในครั้งนั้นคุณหมอบัญชา พงษ์พานิชได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงประสานไปยังกลุ่ม big tree ให้ช่วยติดต่อไปยังอ.บรรจง สมบูรณ์ชัยซึ่งท่านเป็นหมอต้นไม้อยู่ที่เชียงใหม่ แต่เมื่ออ.บรรจงทราบจึงให้ทางคณะทำงานติดต่อมาที่อ.ขาว เพราะอ.ขาวเองก็มีความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้ด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการทำงานด้านการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่อย่างเต็มตัว

เพื่อความยั่งยืนอ.ขาวจึงพยายามจัดอบรมเพื่อสร้างคนให้เข้ามาทำงานในด้านนี้ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเมื่อทางคณะของอาจารย์ขาวได้รับงบประมาณจาก อบจ. จังหวัดในการสนับสนุนการอบรมสร้างทีมงานขึ้นมารวมถึงได้รับงบประมาณจากสำนักงานนวัตกรรมจากการคิดค้นต่อยอดแนวทางการสร้างนวัตกรรมการจัดการภัยพิบัติจากต้นไม้ใหญ่ นี่จึงเป็นจัดเริ่มต้นของงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่อ.ขาวมีส่วนร่วมบุกเบิกในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั่นเอง

รุกขกรรม อีกหนึ่งอาชีพที่เป็นตัวแปรสำคัญในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

รุกขกรรมอาจเป็นอาชีพที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักมากนัก และน้อยคนจะรู้ว่าอาชีพนี้มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างไร โดยรุกขกรจะมีหน้าที่ตั้งแต่การคัดเลือก การดูแล รวมถึงการตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ด้วยศาสตร์ในการจัดการต้นไม้เหล่านั้นอย่าถูกต้อง ซึ่งนอกจากต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่นวัดหรือสถานที่สำคัญ หน้าที่ของรุกขกรยังมีส่วนให้คำแนะนำในการปลูกและดูแลต้นไม้อย่างเหมาะสมตามสถานที่ที่ต้องการปลูกต้นไม้ใหญ่ ๆ เช่นริมถนน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดรวมถึงไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคน สัตว์หรือสิ่งของที่อยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ ดังนั้นในแง่ของความสำคัญรุกขกรจึงมีส่วนสำคัญในการเป็นตัวแปรในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ในปัจจุบันขอบเขตงานของรุกขกรยังครอบคลุมไปถึงการประเมินความเสี่ยงของต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมากว่าจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายจากการล้มรวมถึงการดูแลระบบรากและการฟื้นฟูต้นไม้ที่ทรุดโทรมให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง

ทั้งทรัพยากรและเกษตรกรรม หากมีการพัฒนาต่อยอดจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้คนอีกไม่น้อย

ด้วยความที่อาจารย์ขาวเติบโตมากับการเกษตร รวมถึงยังทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อาจารย์ขาวจึงมองว่าทั้ง 2 สิ่งนี้หากได้รับการพัฒนาจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนไม่น้อย อย่างในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติภายในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีเขตอุทยานแห่งชาติทั้งทางบกและทางทะเลอยู่ถึง 5 แหล่งจึงมีต้นทุนทางธรรมชาติมหาศาล แต่สิ่งที่จำเป็นต้องพัฒนาคือทรัพยากรคนที่ต้องเรียนรู้แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นให้ยั่งยืน

เช่นเดียวกับงานด้านการเกษตรที่จริง ๆ แล้วเกษตรกรบ้านเราสามารถผลิตผลผลิตได้ทุกอย่างแต่ไม่มีสิทธิ์กำหนดอะไรเลย เพราะในปัจจุบันทั้งต้นน้ำคือเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและอื่น ๆ รวมถึงปลายน้ำอย่างราคาพืชผลถูกกำหนดโดยบุคคลอื่น ดังนั้นหากเกษตรกรอยากมีรายได้ที่ดีจึงจำเป็นต้องรู้จักการจับกลุ่มและเรียนรู้การขายสินค้าเกษตรของตนผ่านโลกออนไลน์โดยการสร้าง storytelling ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ที่สนใจ โลกออนไลน์คือสิ่งที่จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรเหล่านี้ได้

ความในใจจากอาจารย์ขาวในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ

ในท้ายที่สุดนี้อาจารย์ขาวได้ให้แนวคิดของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ว่าการท่องเที่ยวจะมาได้ก็เพราะทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ อย่างเช่นต้นไม้ เพราะต้นไม้เป็นทุกอย่างของเรา ถ้าไม่มีต้นไม้เลยความอุดมสมบูรณ์ก็จะหมดไป และไม่เหลือสิ่งใดที่จะดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวเลย แต่หากเรายิ่งเห็นคุณค่าของต้นไม้ เห็นคุณค่าของพรรณไม้และพยายามอนุรักษ์และรักษามันเอาไว้ ท้ายที่สุดก็จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 092-6565-298 คุณเกียรติรัตน์ จินดามณี
<< ลงทะเบียนที่นี่  >>

คุณพิชญ์สินี ทัศน์นิยม สนับสนุน ส่งเสริม เพิ่มรายได้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ

สนับสนุน ส่งเสริม เพิ่มรายได้ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ

ธุรกิจท่องเที่ยวเปรียบเสมือนแขนขาของระบบเศรษฐกิจ เครื่องยนต์นี้เป็นกลไกสำคัญตัวหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นและขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของไทยเดินหน้า แต่ด้วยวิกฤติโควิดที่ผ่านมาทำให้เครื่องยนต์ตัวนี้ดับลงและยังคงทำงานได้ไม่เต็มกำลังเหมือนเช่นในอดีต ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรับฟังแนวคิดของบุคคลต้นแบบผู้มีส่วนร่วมในการผลักดันและพัฒนาให้ธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราชเดินหน้าไปได้ ผู้มีแนวคิดและวิธีการจัดการที่น่าสนใจและทันสมัยไปพร้อม ๆ กัน

จากเด็กสายวิทยาศาสตร์สู่การเบนเข็มเข้าสู่สายการท่องเที่ยว

คุณพิชญ์สินี ทัศน์นิยม หรือ คุณทิพย์ คือคนต้นแบบที่เราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้ ในสมัยเด็ก ๆคุณทิพย์มีความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนเพราะได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่มาจากประเทศนอร์เวย์และมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเดินทางไปที่ประเทศนี้สักครั้งด้วยเช่นกัน

ชีวิตในวัยเด็กของคุณทิพย์เกิดมาในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน แต่สำหรับตัวคุณทิพย์นั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เกิดรอยแผลทางใจเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามตัวของคุณทิพย์เองมองว่าเรื่องนี้ทำให้คุณทิพย์เองเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างและใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสของตนเอง ส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณทิพย์เองไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีปัญหาก็อาจเนื่องมาจากการได้รับความรักจากพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนด้วยนั่นเอง

ตัวของคุณทิพย์เองเรียนหนังสืออยู่ในสายวิทยาศาสตร์มาโดยตลอดจนถึงมัธยมปลาย แต่จุดพลิกผันที่ทำให้ตนเองได้ก้าวเข้าสู่ทางเดินสายการท่องเที่ยวก็คือการสอบไม่ติดในคณะสายวิทยาศาสตร์จึงเบนเข็มให้ความสนใจศึกษาต่อในสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยวในชื่อหลักสูตรEnglish for service ที่ราชภัฏแห่งหนึ่งโดยหลักสูตรนี้เปิดในรุ่นที่คุณทิพย์เรียนเป็นรุ่นแรก และได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยทักษิณในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์

แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเข้ามาทำงานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ในช่วงที่เรียนปริญญาตรีอยู่นั้น ทางสถาบันได้ส่งคุณทิพย์และนักศึกษาคนอื่น ๆ ไปฝึกงานตามโรงแรมในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้คุณทิพย์ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ล้ำค่าต่าง ๆ มากมาย แต่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คุณทิพย์มากที่สุดก็คงจะเป็นการได้มีโอกาสฟังการบรรยายจากอาจารย์พิเศษที่ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่วนตัวคุณทิพย์รู้สึกว่าอาจารย์พิเศษท่านนี้สมาร์ทและดูภูมิฐาน จึงต้องการที่จะเข้าทำงานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ได้ และในที่สุดเมื่อจบการศึกษาจึงได้เข้าทำงานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสมดั่งที่ตั้งใจ

เติบโตในหน้าที่การงานและได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่จนท้ายที่สุดได้กลับมาพัฒนาจังหวัดบ้านเกิด

หน้าที่การงานในการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยของคุณทิพย์ถือได้ว่ามีความก้าวหน้ามาโดยลำดับ จากเจ้าหน้าที่ตำแหน่งเล็ก ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ตอนนั้นเป็นเพียงหน่วยย่อยในสังกัด ททท. สุราษฎร์ธานี คุณทิพย์ก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานที่เชียงใหม่ และที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองหลักเมืองหนึ่งในด้านการท่องเที่ยว คุณทิพย์ได้รับประสบการณ์ในการทำงานที่ยอดเยี่ยมในเรื่องของแนวคิดในการทำงานต่าง ๆ และที่สำคัญคือได้พบเจอผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้นที่ให้การสนับสนุนการทำงานในทุกด้านอย่างเต็มที่ และเมื่อถึงวาระที่ต้องย้ายไปประจำจังหวัดอื่น คุณทิพย์ก็ได้ย้ายกลับสู่ภาคใต้ที่จังหวัดตรังและสตูล ซึ่งทำให้คุณทิพย์ได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะของแต่ละจังหวัดซึ่งส่งสมให้คุณทิพย์มีแนวคิดในการทำงานที่ดีก่อนที่คุณทิพย์จะได้รับโอกาสย้ายกลับมาประจำที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอันเป็นบ้านเกิดในปี 2563 ที่ผ่านมา

การท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราช โจทย์ใหญ่ที่คุณทิพย์ต้องการพัฒนาเพื่อแทนคุณบ้านเกิด

ที่นครศรีธรรมราชจังหวัดบ้านเกิดของคุณทิพย์นั้น คุณทิพย์มองว่าแท้จริงแล้วจังหวัดนี้ก็มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวที่ไม่ด้อยไปกว่าที่อื่นเลย แต่สิ่งที่แตกต่างอาจจะเป็นในเรื่องของอัธยาศัยไมตรีและการเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างเมืองกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังแตกต่างจากจังหวัดใหญ่ที่คุณทิพย์เคยไปประจำอย่างเชียงใหม่ ในเรื่องของอัธยาศัยไมตรีนั้นคุณทิพย์มองว่าแท้จริงแล้วคนนครก็มีความจริงใจ แต่ทว่าผู้คนจะรับรู้ถึงความจริงใจของคนนครก็ต่อเมื่อได้คบหากันในระดับหนึ่งซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนเพราะในเรื่องของการท่องเที่ยวความประทับใจแรกมีความสำคัญเสมอ นอกจากนี้ผู้นำท้องถิ่นเองก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวทำให้ความเข้าใจในเรื่องการท่องเที่ยวอาจมีไม่เท่าจังหวัดอื่น ดังนั้นจึงต้องพยายามขายอัตลักษณ์ในเรื่องของความจริงใจควบคู่ไปกับการพยายามเขื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

ศรัทธานำการท่องเที่ยว อัตลักษณ์เด่นชัดของการท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราช

ในเรื่องของสถานการณ์โควิดที่ผ่านมานั้น ในเรื่องของการท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราชก็ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่แปลกก็คือในการระบาดของโควิดระลอกแรกนั้น กลับกลายเป็นว่านครศรีธรรมราชเป็นหมุดหมายของสายการบินต่าง ๆ ที่มีเข้ามาถึง 64 เที่ยวบินต่อวัน และจุดสำคัญของการเป็นหมุดหมายนี้ก็อยู่ที่การมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่สักการะอยู่ในพื้นที่ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วประเทศนั่นเอง

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้คุณทิพย์ต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยการนำความศรัทธานำและเชื่อมโยงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวจุดต่าง ๆภายในจังหวัด โดยอาศัยการเล่าเรื่องราวเป็น storytelling เช่นความมงคล โชคลาภ ทั้งในเรื่องที่กิน การ shopping ครอบคลุมในทุกอำเภอ

ทุกพื้นที่มีของดี แต่การจะให้ภาพรวมเดินหน้าต่อไปได้ต้องอาศัยความใจกว้าง

ในช่วงของการเริ่มโปรโมทการท่องเที่ยวโดยนำความศรัทธานำการท่องเที่ยวนั้น สิ่งที่คุณทิพย์ต้องเผชิญก็คือในแต่ละท้องที่ก็มีของดีที่หลากหลาย แต่ในแง่ของการตลาดนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องหยิบของที่โดดเด่นที่สุดขึ้นมาเพื่อโปรโมทในขณะที่ของดีอื่น ๆ จะต้องเป็นเพียงตัวรองที่มาเสริมสิ่งที่โปรโมทนี้ ซึ่งการทำเช่นนี้นับว่าไม่ง่ายเลยเพราะต้องอาศัยความใจกว้างและความเข้าใจที่พร้อมจะมองเห็นประโยชน์ในภาพรวม การเชื่อมโยงจากสิ่งที่เด่นที่สุดไปสู่สิ่งที่รองลงมาก็มีความสำคัญเพราะคนที่เข้ามาท่องเที่ยวก็ใช่ว่สพวกเขาจะเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องไปที่อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเกิดความเข้าใจในภาพรวมก็ย่อมจะส่งผลให้ความพยายามที่ขะผลักดันนั้นราบลื่นและเกิดประโยชน์ร่วมกันในทุกภาคส่วนสมดั่งคำขวัญที่ว่า “นครแห่งอารยะ พุทธะรุ่งเรือง ฟูเฟื่องงานศิลป์ วิถีถิ่นหลากหลาย มากมายธรรมชาติ” อันเป็นการนำความศรัทธามาเชื่อมโยงไปสู่จุดเด่นด้านต่าง ๆ นั่นเอง

ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับตัว เพื่อให้สามารถยืนหยัดอยู่บนสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ได้

โควิดที่เกิดขึ้นทำให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่กระนั้นทางตัวของผู้ประกอบการเองก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำร่องการนำแอพพลิเคชั่นมาประยุกต์ใช้กับการให้ข้อมูลการท่องเที่ยวต่าง ๆ สำหรับภาคเอกชนเองการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องนี้จึงจะช่วยทำให้ธุรกิจไปรอดและเดินหน้าต่อไปได้ โดยคุณทิพย์ได้ให้หลักการทางการตลาดที่น่าสนใจและควรค่าแก่การนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจก็คือ “หลักการตลาดไม่มีกลยุทธ์ตายตัว แต่กลุ่มเป้าหมายคือสิ่งตายตัว” หาให้เจอว่าใครคือคนที่ชอบของของเราและชอบเราตรงไหน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ตรงใจพวกเขามากที่สุด นี่คือแนวคิดที่สร้างความสำเร็จในการทำงานของบุคคลต้นแบบในวันนี้

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 092-6565-298 คุณเกียรติรัตน์ จินดามณี
<< ลงทะเบียนที่นี่  >>

คุณ อดุลชัย รักดำ สนับสนุน ส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล

ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปกับภาคการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ แต่จากวิกฤติโควิดที่ผ่านมาทำให้ภาคการท่องเที่ยวหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อโควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ภาคการท่องเที่ยวจึงต้องได้รับการฟื้นฟูไม่เพียงแต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อลมหายใจให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้ที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวให้กลับมายืนได้ด้วยตนเองอีกครั้ง คนต้นแบบที่เราจะพาไปทำความรู้จักนี้เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยผลักดันและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งผ่านการร่วมเป็นคณะทำงานต่าง ๆ ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้อย่างไรเราจะพาไปฟังในมุมมองของคนต้นแบบในวันนี้กัน

จากความคิดยึดเป็นอาชีพที่สองสู่การก้าวเข้าสู่ภาคการท่องเที่ยวเต็มตัว

คุณอดุลชัย รักดำ หรือ คุณยุทธ์ คือคนต้นแบบที่เราจะพาไปทำความรู้จักกันในวันนี้ พื้นเพเดิมของคุณยุทธ์เติบโตมาในพื้นที่จังหวัดตรัง ได้เข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาที่ตรังก่อนจะย้ายไปเรียนต่อในกรุงเทพมหานครที่โรงเรียนวัดสระเกศและก้าวไปศึกษาต่อในระดับชั้นอุดมศึกษาในสายบริหารที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่นั้นคุณยุทธ์เคยทำงานในภาคการท่องเที่ยวมาก่อนโดยการเข้าร่วมเป็น staff ที่บริษัทรุ่งเรืองทัวร์ในตำแหน่งผู้ช่วยมัคคุเทศก์โดยเหตุผลที่เข้ามาทำงานนี้ก็เพราะอยากมองหาอาชีพที่สองให้กับตนเอง

ด้วยความชอบในภายหลังจึงเข้ารับการอบรมมัคคุเทศก์รุ่นที่ 1 อย่างจริงจังที่ราชภัฏสวนดุสิตในขณะนั้นจนได้รับบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์จึงเริ่มต้นเป็นมัคคุเทศก์ตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในระหว่างนี้คุณยุทธ์ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมการอบรมเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยศิลปากรด้วยเช่นกัน

ในช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวซบเซาคุณยุทธ์จึงได้มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบภาคการท่องเที่ยวมากขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรวมถึงได้เคยเข้าร่วมโครงการอบรมมัคคุเทศก์ที่นครศรีธรรมราชกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในพิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุ

เสน่ห์ของการเป็นมัคคุเทศก์ที่คุณยุทธ์อยากนำเสนอ

คนภายนอกอาจสงสัยว่าอาชีพมัคคุเทศก์มีเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างไร แต่สำหรับในมุมมองของคุณยุทธ์นั้น การเป็นมัคคุเทศก์มีเสน่ห์ตรงที่การได้พบปะผู้คนมากมายทำให้ต้องฝึกให้ตนเองเป็นคนที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเองในเรื่องเวลา รับผิดชอบต่อการจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในแต่ละทริปและที่สำคัญที่สุดคือการรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้อื่นที่มาร่วมคณะทัวร์กับเรา สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์ของมัคคุเทศก์ที่คุณยุทธ์ต้องการสื่อออกมาให้คนภายนอกได้รับรู้

การจะเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีได้นั้น คุณยุทธ์ให้ทัศนะที่น่าสนใจเอาไว้ว่าควรจะเป็นคนที่ช่างสังเกตพร้อมที่จะเรียนรู้และรับฟังคำชี้แนะ แนะนำจากผู้อื่นอยู่เสมอโดยในสายอาชีพนี้สามารถก้าวหน้าได้ใน 2 แนวทางคือการเป็นผู้ประกอบการ ผู้บริหารองค์กรเอง หรือจะเป็นในด้านของมัคคุเทศก์ก็ได้เช่นกัน

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ภาคการท่องเที่ยวเองก็ต้องมีการปรับตัว

ภาคการท่องเที่ยวในอดีตแตกต่างจากในปัจจุบันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในส่วนของมัคคุเทศก์ที่มีเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเช่นการทำคลิปแนะนำการท่องเที่ยว การให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่นักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้ทันกระแส ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างและความน่าสนใจให้กับธุรกิจมากขึ้น

ประสบการณ์ในด้านการทำงานเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยว

นอกเหนือไปจากการเข้าร่วมเป็นคณะทำงานในโครงการที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดขึ้น ตัวของคุณยุทธ์เองก็มีส่วนร่วมในโครงการที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวท้องถิ่นของจังหวัดนครศรีธรรมราชในโครงการการอบรมนักสื่อความหมายซึ่งได้งบประมาณโครงการมาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดทำเครื่องมือสื่อสารโดยความร่วมมือกับกระทรวง DE ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดภาคการท่องเที่ยว รวมถึงวิทยากรจาก ธกส. ที่เข้ามาให้ความรู้ในภาคการบริการและสินค้าผ่านระบบซอฟแวร์และนักเรียนรู้จาก DEPA เข้ามาช่วยต่อยอดในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Line OA เป็นต้น โดยผู้เข้าร่วมอบรมแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ

  • นักศึกษาภาควิชาท่องเที่ยวภายในพื้นที่
  • เยาวชนที่ทำ CSR ที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว
  • มัคคุเทศก์ที่มีบัตรประจำตัว
  • ผู้ประกอบการที่มีสินค้าด้านการท่องเที่ยว

โดยทั้ง 4 กลุ่มจะเข้ามาทำการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น

เรียนรู้จากภูเก็ต sand box นำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยวในจังหวัด

คุณยุทธ์ได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการภูเก็ต sand box กับทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงทำให้ได้เห็นโมเดลการทำงานเพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวจากวิกฤติโควิดที่ผ่านมา โดยความร่วมมือกับ สสว. ช่วยนำร่องโครงการดังกล่าวขยายไปสู่เมืองท่องเที่ยวที่เป็นเมืองใหญ่ 10 เมือง โดยโครงการนี้จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการ up-skill และ re-skill ให้กับผู้ที่ยังอยู่ในภาคการท่องเที่ยวเป็นการติดอาวุธให้กับบุคลากรในสายการท่องเที่ยวให้กลับขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยการเรียนรู้การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในอาชีพที่ตนทำ

ความร่วมมือทุกภาคส่วนคือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโต

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีหน้าที่เหมือนกับสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นเลขาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการนำข้อมูลและปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการและบุคลากรในสายการท่องเที่ยวมานำเสนอให้ทางกระทรวงได้รับทราบ โดยสภาจะมีตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามานั่งเป็นบอร์ดบริหารร่วมกันเพื่อช่วยผลักดัน ดูแลและเป็นสื่อกลางระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ สำหรับในจังหวัดนครศรีธรรมราชเองก็มีสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำจังหวัดเข้ามาดูแลเฉพาะพื้นที่จังหวัด นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกันของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวขนอม และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวลานชการวมถึงชมรมมัคคุเทศก์ประจำจังหวัดเข้ามาช่วยผนึกกำลังกันพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

การท่องเที่ยวหลังโควิดกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังโควิดพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกัน โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่าในช่วงหลังกลุ่มทัวร์มีขนาดเล็กลง นักท่องเที่ยวไม่นิยมมาเป็นคณะใหญ่แต่จะมาในรูปแบบของกลุ่มเล็ก ๆ และเน้นมาเป็นครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังนิยมไปยังจุดที่มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น วิธีการท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงไปและไม่ค่อยพบเห็น travel agency ไปรับนักท่องเที่ยวเหมือนดังแต่ก่อน พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของภาคการท่องเที่ยวที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวด้วยเช่นกัน

ชุมชนจะพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างไรในความเห็นของคุณยุทธ์

ในตอนท้ายคุณยุทธ์ได้ให้ความเห็นในเรื่องของการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชนเอาไว้อย่างน่าสนใจคือ นอกเหนือจากที่จะโปรโมทให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้นก็จะต้องสนใจในเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวซ้ำหรือเกิดการแนะนำบอกต่อให้ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วหน่วยงานในส่วนของมหาวิทยาลัยเองคณาจารย์ที่เกี่ยวข้องต่างเข้ามาช่วยเป็นคณะทำงานในการขับเคลื่อนอยู่แล้ว จึงควรมีการเผยแพร่ข้อมูลสู่บุคคลภายนอกในการชูจุดแข็ง จุดเด่นของท้องถิ่นของตนเองให้ภายนอกรับรู้และเตรียมพร้อมในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของคนในชุมชนก็จะช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวของตนได้อย่างแน่นอน

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

คุณธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ สร้างคน พัฒนาเมือง ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน

หากจะมีใครสักคนที่ควรค่าแก่การยอมรับนับถือ เราอาจมีมาตรวัดในใจอยู่แล้วว่าเขาคนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เขาคนนั้นจะต้องมีแนวความคิดที่น่าสนใจและสามารถแปรเปลี่ยนแนวความคิดนั้นออกมาเป็นรูปธรรมและส่งผลบวกต่อสังคมและชุมชนได้ คนเช่นนี้จึงควรค่าแก่การยอมรับนับถืออย่างไม่ต้องสงสัย เฉกเช่นบุคคลต้นแบบในวันนี้ที่มีแนวความคิดที่แตกต่างแต่น่าสนใจ สามารถทำออกมาได้จริงและยังประโยชน์ให้แก่ชุมชน บทความนี้เราอยากจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับชายผู้เป็นคนต้นแบบและกรอบความคิดแหวกแนวอันน่าทึ่ง หากพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักและเรียนรู้แนวความคิดดี ๆ ไปด้วยกัน

นายกเทศมนตรีนักพัฒนากับแนวความคิดที่จะพัฒนาเพื่อชุมชน

นายกปู หรือในชื่อจริงคือ คุณธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ คือคนต้นแบบที่เราอยากให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกันในวันนี้ ในปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปากพูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวัยเด็กของท่านเกิดในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นครูในขณะที่คุณแม่เป็นหัวหน้าสถานีอนามัยจึงทำให้นายกปูเติบโตมาพร้อมกับการถูกปลูกฝังให้ต้องช่วยเหลืองานต่าง ๆ แก่ชาวบ้านมาตั้งแต่เด็กและเติบโตมาท่ามกลางชุมชนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงทั้งเรื่องของการศึกษาและบริการด้านการแพทย์อย่างเพียงพอ ด้วยการปลูกฝังและสภาพแวดล้อมเช่นนี้จึงหล่อหลอมให้นายกปูมีความต้องการที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคมในภายภาคหน้า

นายกปูจบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศและเข้าศึกษาต่อทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตสงขลา ก่อนจะย้ายไปที่วิทยาเขตโคราช ซึ่งอุปนิสัยของนายกปูในวัยเรียนคือเป็นคนชอบมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงจึงเป็นแต้มต่อที่ทำให้นายกปูเป็นที่รู้จักของคนมากหน้าหลายตาอีกทั้งอุปนิสัยรักการเรียนรู้จึงทำให้นายกปูมีแนวความคิดที่จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต

ในช่วงปี 2537 รัฐบาลได้ยกสถานะสภาตำบลขึ้นมาเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล และในปี 2538ญาติของนายกปูได้ชักชวนให้นายกปูเข้ามาช่วยงานซึ่งตั้งแต่ปี 2538-2542 นายกปูได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายก ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองปากพูนจนถึงปัจจุบันด้วยแนวความคิดที่ต้องการจะหยิบยื่นโอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาสเพราะเห็นความลำบากของคนเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กนั่นเอง

ความคิดแหวกแนวสู่การพัฒนาชุมชนอย่างเห็นเป็นรูปธรรม

นายกปูเล่าว่าในช่วงที่มีการณรงค์ 5 ส. นั้น ทางนายกปูได้คิดหักมุมแนวทาง 5 ส.จนแตกต่างจากที่อื่น โดย 5 ส.ของนายกปูมีสาระดังนี้

– สกปรก: เพราะสีชุดข้าราชการเป็นสีกากีอันมีความหมายว่าฝุ่นซึ่งหมายถึงข้าราชการจะต้องทำตัวคลุกฝุ่นพร้อมที่จะช่วยเหลือชาวบ้านเสมอ

– ส้นตีน: ส้นเท้าเป็นส่วนเดียวในร่างกายที่ต้องแบกรับน้ำหนักตัว ซึ่งหมายถึงข้าราชการจะต้องพร้อมแบกรับภาระเพื่อสังคม

– ส้วม: ส้วมคือสิ่งที่ใช้ระบายความทุกข์อันหมายถึงข้าราชการจะต้องเป็นที่ระบายความทุกข์ให้แก่ประชาชน

– เสือก: ข้าราชการต้องพร้อมที่จะลงไปหาปัญหา หาข้อมูลของประชาชนไปเก็บสำรวจข้อมูลในทุกด้านของชาวบ้านเพื่อนำมาเป็นแหล่งอ้างอิงในการทำงานพัฒนาชุมชน

– สังคัง: ธรรมชาติของโรคนี้จะสร้างความคันที่ทำให้เกาได้ตรงจุด ข้าราชการจะต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ตรงจุดและอีกนัยหนึ่งจะหมายถึงสังฆังที่หมายถึงสงฆ์จึงต้องทำหน้าที่เผยแพร่เรื่องราวในด้านดี ๆ ให้แก่ประชาชน

ด้วยชุดความคิดเช่นนี้เองที่ทำให้การทำงานของนายกปูออกมาเป็นรูปธรรมและพัฒนาชุมชนไปในหลายมิติ

แนวความคิดในการพัฒนาเด็กคืออีกหนึ่งด้านที่น่าสนใจของนายกปู

นายกปูมีความเชื่ออยู่เสมอว่าไม่มีเด็กที่พัฒนาไม่ได้มีแต่การเรียนการสอนที่ไม่พัฒนาเพราะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา IQ เพียงอย่างเดียว สำหรับนายกปูนั้นเด็กควรจะได้รับการปลูกฝังและพัฒนาไปที่ชุดความคิดหรือ Mind Set มากกว่า เพราะการพัฒนา Mind Set จะทำให้เด็กสามารถนำชุดความคิดที่ถูกปลูกฝังไว้นี้ไปใช้แก้ปัญหาในอนาคตได้ ซึ่งแนวทาการพัฒนา Mind set นั้นนายกปูเริ่มต้นตั้งแต่การพัฒนาในช่วงตั้งครรภ์ทั้งในเรื่องของอาหาร การดำรงชีวิตภายใต้แนวความคิด 3 อย่างคือการใช้ตรรกะศาสตร์ จริยศาสตร์และสุนทรียศาสตร์มาผสมผสานกัน

วิถีชุมชน ไอเดียนวัตกรรม และการสื่อสาร นำท่องเที่ยว กุญแจสำคัญของความสำเร็จ

ด้วยความที่ชอบสำรวจทั้งวิถีชาวบ้านและจุดต่าง ๆ ทั่วปากพูนจึงทำให้นายกปูรู้ข้อดีของจุดต่าง ๆ ที่ได้ทำการสำรวจมาและด้วยอุปนิสัยที่ชอบเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันประกอบกับต้องการที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวในปากพูนทำให้นายกปูริเริ่มที่จะทำการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแต่ไม่ใช้การท่องเที่ยวนำซึ่งในช่วงนำร่องช่วงปี 2551-2554 นายกปูสามารถนำนักท่องเที่ยวจากที่อื่นให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ถึง 4 หมื่นคนเลยทีเดียว

แนวความคิดสุดแหวกแนวในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยไม่ใช้การท่องเที่ยวนี้นายกปูเน้นที่จะขายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงของดีในด้านต่าง ๆของตัวจังหวัดเป็นจุดขายสำคัญเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของดีในด้านต่าง ๆ รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติที่น่าสนใจ โดยนายกปูเน้นการเดินสายบรรยายและขายไอเดียให้กับองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ เช่นการขายไอเดียให้แก่ สสส. เพื่อให้ทุกคนมาดูงาน ดูแนวความคิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยไม่ใช้การท่องเที่ยวนำนี้ให้แก่ตัวแทนชุมชนต่าง ๆ ซึ่งจุดมุ่งหมายหลักคือการส่งต่อแนวความคิดเพื่อให้พวกเขากลับไปปรับปรุงและพัฒนาให้สอดคล้องกับชุมชนของพวกเขาในขณะเดียวกันคณะดูงานแต่ละคณะที่เข้ามานั้นก็มาพร้อมเม็ดเงินที่ผันกลับมาสู่ชุมชนและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนไม่น้อยทีเดียว

การตลาดนำการผลิตและบริการ คือ กลยุทธสำคัญในการสร้างรายได้ให้ชุมชน

นายกปูกล่าวว่าจุดอ่อนของหน่วยงานราชการคือการทำการตลาด สำหรับความสำเร็จของนายกปูอยู่ที่การรู้จักการขายหรือก็คือการทำการตลาดนั่นเอง โดยนายกปูกล่าวว่าก่อนที่เราจะเสนอขายอะไรให้แก่ผู้ที่สนใจ เราต้องสร้างคุณค่าก่อนเสมอแล้วมูลค่าก็จะตามมาเอง เราต้องขายศรัทธาให้แก่ผู้ที่สนใจ สร้างสายสัมพันธ์และส่งต่อน้ำใจให้แก่ผู้ที่สนใจแล้วเราจะสามารถขายของได้เหมือนอย่างที่นายกปูทำสำเร็จกับการพัฒนาการท่องเที่ยวมาแล้ว

สำหรับโครงการในอนาคตตอนนี้นายกปูผลักดันโครงการ Feel Good Market เพื่อพัฒนาชุมชนโดยการนำการตลาดมาใช้เต็มรูปแบบภายใต้แนวความคิดการระเบิดความต้องการจากภายใน โดยโครงการนี้นายกปูได้ใช้ศักยภาพในด้านความคิดของกลุ่ม LGBT ในพื้นที่ให้มาเป็นคณะทำงานซึ่งกระแสตอบรับของโครงการนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี

อีกหนึ่งโครงการคือ Smart City ที่จะพัฒนาแอปพลิเคชั่นแนะนำจุด Check point ที่เป็นของดีประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาเพื่อการใช้งานจริง

มุมมองที่นายกปูอยากจะฝาก

ในช่วงท้ายนายกปูได้ฝากความเห็นไว้ว่าบ้านเมืองจะได้ดีขึ้นอยู่ที่ประชาชนเลือกคนแบบไหนให้เข้ามาทำหน้าที่แทนเรา โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาในทุกมิติของคนในประเทศ แม้จะเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดแต่ทว่าก็มีความแข็งแกร่งที่สุดในระบบราชการ

ในเรื่องของต้นทุนและศักยภาพนั้นทั้ง 2 สิ่งนี้มีอยู่ทุกที่แต่อยู่ที่ว่าเราจะใช้แนวความคิดอย่างไรเพื่อค้นหาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด พยายามสร้างศักยภาพ เชื่อมโยงและบูรณาการสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันท้ายที่สุดมูลค่าก็จะตามมาเอง

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

Workation ที่ไหนดี @นครศรีธรรมราช

วันนี้จะพามาดูสถานที่ที่เหมาะกับการนั่งทำงานและพักผ่อนสบายๆ สไตล์คนชิลล์ @นครศรีธรรมราช มีสถานที่ให้ Workation มากมาย แต่บทความนี้จะคัดสถานที่สุดชิลล์ ที่เหมาะสมกับการนั่งทำงานและนั่งพักผ่อนหย่อนใจนั่งทำงานมองทัศนียภาพรอบๆฟังเสียงธรรมชาติให้ร่างกายและจิตใจได้ชาร์จแบตอย่างเต็มที่ ไอเดียงานลื่นไหล

Workation ที่ไหนดี @นครศรีธรรมราช แนะนำ 7 สถานที่สุดชิล

1.หมู่บ้านคีรีวง

เครีดิตรูปภาพ https://www.sanook.com/travel/1400081/

เป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อว่าอากาศดีที่สุดในประเทศไทย เป็นชุมชนต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีวิถีชีวิตที่สงบอยู่กับธรรมชาติ หมู่บ้านคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้และสายน้ำ ทำให้สามารถนั่งทำงานในโฮมสเตย์ โดยที่สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด มองต้นไม้และท้องฟ้าได้อย่างเต็มตา ฟังเสียงนกและเสียงน้ำได้อย่างเต็มหู หากอยากจะชมรอบๆหมู่บ้านก็สามารถเช่าจักรยานภายในหมู่บ้านปั่นชมได้ ในหมู่บ้านมีร้านขายของฝาก ของที่ระลึก ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านผลิตเอง รวมถึงผลไม้ในตลาดก็เป็นผลไม้จากสวนที่ชาวบ้านปลูกเองด้วยเช่นกัน ในช่วงฤดูหน้าผลไม้ ที่ตลาดจะมีทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปให้เลือกช้อปปิ้งมากมาย จะเลือกซื้อไปทานหรือจะนำกลับไปเป็นของฝากให้คนที่บ้านก็ดีทั้งนั้น หมู่บ้านคีรีวง ตั้งอยู่ที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดให้บริการทุกวัน

2.หาดสิชล

เครดิตรูปภาพ https://www.ryoiireview.com/article/cafe-khanom-sichon/

เป็นหาดทรายสีขาว น้ำทะเลใสๆ หาดโค้งมีทิวทัศน์สวยงาม มีคาเฟ่ให้นั่งชิลล์ริมหาด นั่งทำงานเพลินๆ มองทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เปิดเพลงคลอเบาๆ ก็ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการ Workation ได้ดีมากๆเลยทีเดียว หาดสิชล ตั้งอยู่ที่ตำบลสิชล อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.00 น.

3.ปากพนัง

เครดิตรูปภาพ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/21171

อีก 1 สถานที่เหมาะแก่การ Workation  ปากพนังเมืองท่าที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญและเฟื่องฟูในอดีต เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล พักผ่อนล่องเรือชมโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชมโรงสีเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทั้ง 2 ข้างปากแม่น้ำปากพนัง ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมคอนโดนกนางแอ่นอีกด้วย ทำงานเหนื่อยๆ แวะเดินตลาด 100 ปีเมืองปากพนัง ดื่มด่ำกับวิถีความเป็นอยู่ อาคารบ้านเรือนยุคโบราณ วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ มีตลาดย้อนยุคให้เดิน ดู ดม ชม ชิม อาหารอร่อย บรรยากาศพื้นบ้านมีดนตรีไพเราะเล่นให้ฟังสร้างความสุนทรีผ่อนคลายได้แน่นอน

4.เขาศูนย์

เครดิตรูปภาพ https://www.facebook.com/Nakhonholiday/photos/pcb.7241417082566632/7241415039233503/

เป็นภูเขาที่มีจุดชมวิวที่สามารถชมวิวได้รอบทุกทิศ360 องศา สามารถชมทะเลหมอกกระทบกับแสงอาทิตย์ ท่ามกลางอากาศเย็นๆตลอดทั้งปี ดื่มเครื่องดื่มที่ชอบสักแก้วขณะทำงาน ดื่มดำบรรยากาศที่สบายตา สบายกาย สบายใจ เขาศูนย์ ตั้งอยู่ที่ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.00 น.

5.เนินเทวดา – เนินนางฟ้า

เครดิตรูปภาพ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/21516

เป็นจุดชมวิวทะเลสีฟ้าคราม ที่รายล้อมด้วยต้นไม้และทิวเขาแบบกว้างไกล มีซุ้มไม้ไผ่ให้นั่งทำงานตากลมชมวิวทิวทัศนียภาพแบบชิลล์ๆ เนินเทวดา – เนินนางฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.

6.เขาเหมน หรือ เขาพระสุเมรุ

เครดิตรูปภาพ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/1858

เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง อากาศหนาวเย็น ลมพัดแรงและมีเมฆปกคลุมเกือบทั้งปี จุดชมทิวทัศน์สามารถมองเห็นวิวโดยรอบ นั่งทำงานพร้อมกับนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกท่ามกลางอากาศเย็นๆ เพลินๆชิลล์ๆ ตลอดทั้งวัน เขาเหมน หรือ เขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น.

7.อ่างเก็บน้ำกะทูน

เครดิตรูปภาพ https://wellnessnakhon.sct.ac.th/th/?c=todo&a=8&sc=l4&lf=ta&m=topic

ถูกขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แดนใต้ เป็นหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยพื้นที่น้ำในอ่างเหนือเขื่อนใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีซากหมู่บ้านที่เคยเกิดอุทกภัย โผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นยอดชัดเจน สามารถไปนั่งทำงานชิลล์ๆ ที่ริมน้ำได้ มีร้านกาแฟที่สามารถนั่งมองวิวทิวทัศน์กว้างขวางไกลสุดตา 360 องศาของอ่างเก็บน้ำกะทูนท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า แสงตกกระทบผิวน้ำสวยงามมาก ดีต่อตา ดีต่อใจสุดๆ

สถานที่สุดชิลล์ workation@นครศรีธรรมราช คัดมาให้เน้นๆ กับสถานที่ที่เหมาะสมกับการนั่งทำงานและนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ฟังเสียงใบไม้พริ้วไหว ฟังเสียงนก ฟังเสียงน้ำ มองวิวทิวทัศนียภาพอย่างสบายตา ชาร์จพลังให้ร่างกายและสมองอย่างเต็มเปี่ยม รับรองเลยว่าหากมาแล้วจะมีความสุขมากๆ แฮปปี้กับการ workation แบบสุดๆ จนอยากจะมาซ้ำๆ อีกแน่นอน

ยังมีอีกหลายสถานที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เหมาะแก่การมา Workation มาเปลี่ยนบรรยายกาศที่ทำงานกันที่นครศรีธรรมราช พวกเราชาวนคร ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ นักท่องเที่ยวตลอดเวลา

7 เหตุผลควรมา Workation @ นครศรีธรรมราช

เหตุผลที่ควรมา Workation @ นครศรีธรรมราช ทำงานไปด้วย พักผ่อนไปด้วยที่นครศรีธรรมราช ได้ทั้งงาน ได้ทั้งความสุข ได้ทั้งสุขภาพ จบครบที่เดียว หากจะเลือก Workation สักที่ @นครศรีธรรมราช ก็เป็นหนึ่งจังหวัดที่เราแนะนำ เพราะอะไรไปดูกันเลย

1.อากาศดีมาก จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งโอโซนที่ดีที่สุดในประเทศ

มีธรรมชาติโอบล้อมทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีครบทั้ง ภูเขา,ทะเล,น้ำตก,ถ้ำ,อ่าว,เกาะ,ป่าไม้ (เป็นเมืองแห่งโอโซน!!) ได้มองน้ำ ดูต้นไม้ สูดอากาศบริสุทธิ์ ตลอดการ Workation การที่ได้ทำงานโดยที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ นอกจากจะสดชื่น สบายปอดและสบายตาแล้ว ยังส่งผลให้ คิดงานได้อย่างลื่นไหล ไอเดียพุ่งกระฉูดอีกด้วย  เพราะสมองไม่เครียด สมองปลอดโปร่งโล่งสบาย ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆก็วิ่งเข้ามา  ทำให้งานมีไอเดียใหม่ๆเพิ่มเข้าไปด้วย อัพเกรดงานให้ดีขึ้นไปอีก

2. เดินทางสะดวก รถรา เครื่องบิน มีให้เลือกไปไหนมาไหนสะดวก

มีรถโดยสารทั้งในและนอกจังหวัด  ภายในจังหวัดมีสถานีขนส่ง เดินทางไปรอบๆเมืองไปอำเภอใกล้เคียง ไปจังหวัดใกล้เคียง มีรถให้เลือกเดินทางหลากหลายรูปแบบ เช่น รถตู้,รถเมล์,รถสองแถว,รถไฟ และยังมีท่าอากาศยาน สำหรับเดินทาง ทางเครื่องบิน อีกด้วย  มีให้เลือกเดินทาง 5 สายการบินด้วยกัน  นั่นคือ สายการบินไทยสมายล์,นกแอร์,ไทยเวียดเจ็ทแอร์  ไทยแอร์เอเชียและไทยไลอ้อนแอร์  เลือกได้เลย ว่าอยากเดินทางในรูปแบบไหน  เลือกแบบที่คุณแฮปปี้ได้เลย

3. พื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด สามารถนั่งทำงานและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

ทำงานได้สบายใจ ไม่รู้สึกอึดอัด  เพราะพื้นที่ของจังหวัดนี้นั้น กว้างใหญ่มาก และพื้นที่ธรรมชาติเยอะมาก นั่งทำงานตรงไหนก็ไม่รู้สึกอึดอัด เพราะปลอดโปร่งสุดๆไปเลย  นั่งจิบเครื่องดื่มชิวๆ ไปพร้อมกับการทำงาน ฟินสุดๆ งานก็เดิน ชีวิตกได้ผ่อนคลาย สบายใจ สบายกาย ได้ตังก์ชิลๆ

4. มีความสงบมาก  เหมาะกับการพักผ่อน และหนีความวุ่นวายมาเสริมบุญ

นอกจากธรรมชาติจะเยอะแล้ว ยังมีวัดวาอารามให้เข้าไปทำบุญ ทำทานอีกหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น

วัดดังของจังหวัดนครศรีธรรมราชตอนนี้ก็คือ “วัดพระมหาธาตุวรวิหาร” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ บรรจุพระสารีริกธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและยังเป็นต้นกำเนิดของ  “องค์จตุคามรามเทพ”ที่ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า “มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก”

วัดที่สองก็คือ “วัดเจดีย์” วัดไอไข่นั่นเอง  เป็นวัดที่คนหลั่งไหล  เข้ามาขอพร ขอโชค ขอลาภกันไม่ขาดสาย จากกระแสที่หลั่งไหลไปทั่วทุกทิศทุกทางทั่วประเทศ ในเรื่องของการให้โชคให้ลาภ ค้าขาย กิจการงานต่างๆ  นอกจากได้พักผ่อนแล้ว ยังเสริมความเฮงไปในตัวเลย

วัดที่สามก็คือ “วัดธาตุน้อย”เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์พระสารีริกธาตุและพระสรีระสังขารของพ่อท่านคล้าย (พระครูพิศิษฐ์อรรถการ) ผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่ชาวใต้เลื่อมใสศรัทธาอย่างสูงยิ่ง พ่อท่านคล้ายได้ชื่อว่าเป็น เทวดาแห่งเมืองคอน เทพเจ้าแห่งแดนใต้ ท่านมีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์

พูดอย่างไรได้อย่างนั้น ท่านจึงมักจะให้พรกับทุกคน “ขอให้ เป็นสุข เป็นสุข” ซึ่งปัจจุบันพระสรีระสังขารของพ่อท่านคล้าย บรรจุอยู่ในโลงแก้ว และว่ากันว่าพระสรีระสังขารของท่าน แข็งเป็นหิน จึงทำให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก

5. มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำแก้เบื่อ ผ่อนคลายหลังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย

ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำแก้เบื่ออยู่มากมาย หากว่าคุณอยากยืดเส้นยืดสาย ออกมาจากความสงบชั่วคราว หาอะไรทำสนุกๆแก้เบื่อ มีหลายกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ  หยิบหมอก หยอกเมฆที่เขาศูนย์, เดินป่าดูธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์, เล่นน้ำตกเย็นๆ คลายร้อน,เดินเล่นชายหาดริมทะเล นั่งเรือดูโลมาสีชมพู ,ชมพิพิธภัณฑ์ของดีเมืองนครฯ ยังมีกิจกรรมให้เลือกดู ดม ชม อีกมากมาย ชอบกิจกรรมแบบไหน เรียกว่าครบรส ได้ใจทุกเพศ ทุกวัยในทริปเดียว

6. มีวัฒนธรรมและอารยธรรมที่หลากหลาย

นอกจากได้ทำงานและพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ยังได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ จากวัฒนธรรมและอารยธรรมของแต่ละชุมชน การละเล่น ประเพณี เช่น มโนราห์ หนังตะลุง  อาจได้อะไรใหม่ๆในชีวิตให้มีสีสันเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอาหาร  เครื่องแต่งกาย  ของขึ้นชื่อในนครศรีธรรมราช ยกตัวอย่างเช่น ผ้าทอลายดอกกระจูด,ภาพมิตินูนสูงจากรกมะพร้าว,มังคุดคัด ,ปลาใส่อวน,ขนมลา ฯลฯ ให้ได้ลองชิม ลองใช้ ลองสัมผัส รับรองว่าท่านจะหลงรักเมืองนครฯ

7.ร้านคาเฟ่ให้นั่งทำงาน จิบกาแฟเลิศรส โกโก้ขึ้นชื่อ ทั่วจังหวัด

นครศรีธรรมราช เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีโกโก้พันธุ์ดีที่นำมาทำเป็นช็อคโกแลตจากอำเภอท่าศาลา รวมทั้งกาแฟที่ปลูกจากแหล่งต้นน้ำที่ดีที่สุดนั่นคืออำเภอพิปูน มีร้านกาแฟนั่งสบายๆ ชิลๆ มีมุมให้นั่งทำงาน พร้อมชมวิว จิบกาแฟหอมๆ ดื่มโกโก้ร้อน ๆ คิดแล้วก็ฟิน เลยทีเดียว มีร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่ หลากสไตล์ให้เลือกนั่ง เลือกชิล ทั่วจังหวัด ทำให้เมืองนครได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งคาเฟ่ ก็ว่าได้

เพียง 7 เหตุผลนี้ ก็ทำให้อยากไป Workation @ นครศรีธรรมราชทันทีเลยใช่ไหม  แนะนำให้ไปเลยเรียกว่าเป็นอีกจังหวัดที่ครบเครื่องและมั่นใจได้เลยว่า ต้องประทับใจจนได้กลับไปอีกเป็นครั้งต่อๆไป อีกแน่นอน

คุณ ทานตะวัน​  เขียวน้ำชุม ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์

การพาตนเองกลับไปสู่ธรรมชาติ นอกจากเป็นวิธีที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นการย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เราเดินทางมาไกลแค่ไหน วิถีชีวิตของเราต้องพึ่งพาธรรมชาติมากน้อยเพียงใด การอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติที่เหลือน้อยลงทุกทีจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรตระหนัก อย่างที่คนต้นแบบเมืองนครท่านนี้ได้พยายามถ่ายทอดความรู้แก่เด็กรุ่นใหม่ให้เห็นถึงความสำคัญของผืนป่า ผ่านรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ คุณ ทานตะวัน​  เขียวน้ำชุม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทาร์ซาน แอดเวนเจอร์ ทัวร์ จำกัด (เดินป่าหลังคาแดนใต้ Tarzan Adventure Team)

จากวิถีชีวิตชาวเมือง มุ่งหน้าสู่วิถีชีวิตธรรมชาติ

คุณทานตะวัน หรือครูแจง พื้นเพเดิมเป็นคนกรุงเทพมหานคร ชื่นชอบการทำกิจกรรมและการท่องเที่ยวตั้งแต่เด็ก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการจัดการโรงแรม เพราะคิดว่าตรงกับคาแร็กเตอร์ของตนเองขณะที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 มีโอกาสได้ฝึกงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ควบคู่กับการทำงานพาร์ทไทม์ตามโรงแรม หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็น Event coordinator  ทำหน้าที่บริหารพื้นที่ในการจัดงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จนวันหนึ่งได้ไปเห็นโฆษณาที่ฉากหลังเป็นป่าเขา ทำให้คุณทานตะวันรู้ได้ในทันทีว่านี่คือ ตัวตนของตนเอง จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อเดินทางสู่เส้นทางธรรมชาติ

คุณทานตะวันเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครกับทางชมรมนักนิยมธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้รักธรรมชาติ นอกจากงานพื้นฐานในการให้ความรู้เรื่องธรรมชาติแก่คนทั่วไปแล้ว ทางชมรมมีการจัดกิจกรรมภาคสนามค่ายสำหรับเด็กและเยาวชนเพื่อเรียนรู้การดำรงชีพในป่า ซึ่งต้องผ่านการฝึกอบรม เรียนรู้ตั้งแต่ความรู้ขั้นพื้นฐาน องค์ประกอบต่างๆ ในธรรมชาติ การสื่อความหมายของธรรมชาติ จิตวิทยาเด็ก การตั้งแคมป์ ฯ  การฝึกอบรมทั้งหมดนี้ผู้ที่เป็นอาสาสมัครต่างสละเวลา แรงกาย แรงใจ และกำลังทรัพย์ เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นพี่เลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ คอยให้ความช่วยเหลือแก่เยาวชนได้

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ กับการสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์

คุณทานตะวัน เล่าว่า สำหรับตัวเองนั้นการทำค่ายครั้งแรกเป็นอะไรที่ยากมาก แม้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากเยาวชน แต่ส่วนตัวคิดว่าต้องพัฒนาให้มากกว่านี้อีก จึงเดินป่าไปเรื่อยๆ และหาข้อมูลจากเว็บไซต์เพื่อการเดินป่าเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ จนไปเจอกับภาพอุทยานแห่งชาติเขาหลวงแล้วเกิดความชื่นชอบอย่างมาก แม้ภาพที่เห็นนั้นดูสวยงามเพียงใด แต่คุณทานตะวันยังไม่กล้าที่จะเดินทางไป จนเมื่อโอกาสมาถึงและได้เดินป่าตามที่ตั้งใจกลับพบว่าเส้นทางยากกว่าที่คาดไว้ แม้การเดินทางในครั้งนั้นจะลำบาก แต่ก็พบว่าสภาพป่ายังคงสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ หลังจากนั้นคุณทานตะวันตัดสินใจที่จะหลงหลักปักฐานอยู่ที่นครศรีธรรมราช เมื่อปักหมุดเส้นทางชีวิตมุ่งไปที่การเดินป่า คุณทานตะวันจึงใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่มีมาคิดวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรให้คนอื่นที่อยากเดินป่า อยากสัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง สามารถเดินป่าได้ อย่างการเตรียมตัวสำหรับมือใหม่ จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ อุปกรณ์ที่ใช้ต้องเหมาะสมกับการเดินป่า เช่น รองเท้า เป้ใส่สัมภาระ

จนเมื่อคุณทานตะวันมีลูก ก็อยากให้ลูกเข้าใจวิถีธรรมชาติ จึงเริ่มจัดกิจกรรมเดินป่าสำหรับเด็ก เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กๆ โดยชักชวนเพื่อนๆ ของลูกมาเข้าร่วมกิจกรรม ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในการดำเนินกิจกรรม กว่า 35 รุ่นที่เข้าร่วมโครงการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีตั้งแต่เด็กปฐมวัยไปจนถึงผู้สูงอายุ กิจกรรมมีการไต่ระดับจากการเดินป่าเป็นการเดินขึ้นเขา คุณทานตะวัน เล่าว่า พวกเด็กๆ มีพลังอย่างล้นเหลือ แม้จะงอแงบ้างแต่ก็ยังคงก้าวเดินต่อไปเพื่อไปสู่จุดหมาย นอกจากเกิดความภูมิใจในตัวเองที่ทำได้สำเร็จแล้ว การเดินป่ายังเป็นฝึกทักษะในการจัดการอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน เป็นการฝึกสติ สมาธิ ให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน อยู่กับทุกย่างก้าว เป็นการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว กิจกรรมนี้จึงเหมาะกับเด็กๆ มากนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมวิทยาศาสตร์โดยใช้ธรรมชาติสอน จัดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครศรีธรรมราช  อำเภอพรหมคีรี

ท่องเที่ยวสีเขียว ภายใต้ BCG Model

การเดินป่า เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เน้นเที่ยวแบบพอดี ไม่ใช่การบุกรุก เข้าป่าเพื่อเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ซึ่งการท่องเที่ยวในรูปแบบ BCG Model  เป็นเรื่องที่คุณทานตะวันให้ความสำคัญ เป็นการรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โมเดลนี้เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ( Bioeconomy)  มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวชุมชน ผู้ประกอบการต่างเริ่มตื่นตัวและปรับตัวโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน พยายามหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่เป็นการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ อย่างเรื่องขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก แต่สามารถเริ่มต้นจากตัวเราเองได้ ลดการใช้ ใช้ซ้ำ ทิ้งให้ถูกวิธี และกำจัดอย่างเหมาะสม

ปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ลดลง เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพอากาศที่แปรปรวน ตลอดจนปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด แน่นอนว่าต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน หากไม่สามารถชดเชยในสิ่งที่เสียไปได้ อย่างน้อยก็อย่าทำลาย เพื่อส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ ความงามของธรรมชาติไปสู่คนรุ่นต่อไป รวมถึงสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นบนโลกใบนี้

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ

 

คุณ รณชิต จิระพิบูลย์พันธ์ สืบสาน ส่งเสริมท่องเที่ยว ทัวร์วัฒนธรรม

นครศรีธรรมราช เมืองที่โดดเด่นด้านวัฒนธรรม มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่งดงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายท่านอยากที่จะเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้แน่นอน ทางด้านของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวก็เป็นอีกแรงขับเคลื่อนในการผลักดันการท่องเที่ยวนครศรีธรรมราชให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนต้นแบบเมืองนครท่านนี้คลุกคลีอยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวตั้งแต่วัยเด็ก ค่อยๆ ซึมซับประสบการณ์เก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสาน ส่งเสริมท่องเที่ยว ทัวร์วัฒนธรรม คุณ รณชิต จิระพิบูลย์พันธ์ กรรมการบริษัทสีนวลกรุ๊ป (2017) จำกัด

คลุกคลีอยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวตั้งแต่วัยเด็กโดยมีคุณพ่อเป็นต้นแบบ

คุณรณชิต เติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยว รถทัวร์นำเที่ยว ในวัยเด็กมีโอกาสได้ไปทำงานร่วมกับคุณพ่อ เรียกได้ว่าเดินทางไปทั่วทุกภาค หน้าที่ของคุณรณชิตในตอนนั้นเป็นทั้งคนดูแลรถ ดูแลนักท่องเที่ยว และช่างภาพ  การที่ได้เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้คุณรณชิตเจอผู้คนมากมายในสถานการณ์ที่หลากหลาย ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ต่างกันในแต่ละภาคของประเทศไทย สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้กลายเป็นเด็กที่สามารถมองโลกได้กว้างกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน คุณรณชิต เล่าว่า ในตอนที่ยังเด็กตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนั่งรถเป็นระยะทางไกลเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว เมื่อโตขึ้นจึงเข้าใจว่านั่นคือการศึกษาวัฒนธรรมของชุมชนอื่น นอกเหนือจากชุมชนที่ตนเองเติบโตมา ซึ่งเป้าหมายของการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่การพักผ่อนเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมแม้จะอาศัยอยู่ในประเทศเดียวกันก็ตาม ซึ่งระหว่างการเดินทางนักท่องเที่ยวต่างก็ได้ผจญภัยร่วมกัน และได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากชุมชนของตัวเอง

บทบาทในการทำธุรกิจท่องเที่ยว กับการรับช่วงต่อกิจการครอบครัว

การเดินทางของสีนวลกรุ๊ปมีการพัฒนามาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ต่อด้วยพี่ชาย จนมาถึงคุณรณชิต เริ่มจากกิจการเดินรถประจำทาง จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นรถบัสนำเที่ยว การที่ได้เห็นคุณพ่อทำงานทำให้คุณรณชิตมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นไกด์นำเที่ยว ซึ่งทางบ้านให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีก็ได้ทำงานเป็นไกด์ตามที่ตั้งใจไว้ รวมทั้งฝึกฝนการทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรถทัวร์นำเที่ยว คุณรณชิตรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวต่อจากพี่ชาย โดยนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ พยายามปรับปรุงให้รูปแบบการท่องเที่ยวมีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ได้มีการเพิ่มจำนวนรถบัสเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้กับธุรกิจ ลงทุนกับอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าเป็นผู้สูงอายุ ได้ปรับเปลี่ยนไปที่กลุ่มวัยทำงาน เพราะต้องการให้รูปแบบการท่องเที่ยวมีความสนุกสนานมากขึ้น เน้นการถ่ายรูป หากเป็นกรุ๊ปทัวร์เชิงวิชาการจะมีผู้ที่คอยให้ความรู้ ที่สำคัญคือต้องเป็นทริปที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคน

สถานการณ์โควิด-19 กับผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว

คุณรณชิต เล่าว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ไม่มีทัวร์มาถึง 2 ปี ได้มีการปรับตัวเพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด ขายรถบัสเพื่อเปลี่ยนเป็นรถตู้ เน้นบริการนักท่องเที่ยวสายบุญ แม้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง อย่างในช่วงที่กระแสของไอ้ไข่วัดเจดีย์กำลังมาแรง ทำให้นครศรีธรรมราชมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก คุณรณชิต มีความเห็นว่า หากวิกฤตโควิด-19 จบลง เชื่อว่านครศรีธรรมราชจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จากประสบการณ์ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนนครศรีธรรมราช คุณรณชิต เล่าว่า ร้อยละ 50 ของนักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวอำเภอขนอมและอำเภอสิชล รองลงมาคือคีรีวงและอำเภอเมืองตามลำดับ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอำเภอเมือง คือ  วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ศาลหลักเมือง ร้านอาหารขึ้นชื่อ และร้านน้ำชา  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มานครศรีธรรมราช หลักๆ จะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ มาเองโดยเหมารถตู้ และนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์จากที่อื่น ซึ่งอย่างหลังคุณรณชิตจะคอยติดต่อประสานงานให้

คุณรณชิต ให้ความเห็นว่า ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวเป็นชาวไทย 100% ซึ่งเน้นความเป็นส่วนตัว ทางคุณรณชิตเองก็ปฏิบัติตามมาตรการรัฐพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเช่นกัน หากพูดถึงจุดขายของนครศรีธรรมราชในมุมของคุณรณชิต  อาหารถือเป็นจุดเด่น ด้วยรสชาติจัดจ้าน มีความเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของความเชื่อ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม ทางคุณรณชิตเองมักจะโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ผ่านทาง Facebook ส่วนตัว เพื่อดึงความสนใจจากผู้พบเห็น นอกจากนักท่องเที่ยวสายบุญแล้ว นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ ช่วงอายุ 20 ต้นๆ หลายคนสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ จึงมีกำลังซื้อที่เยอะ ส่วนใหญ่เน้นกิจกรรมทางทะเล ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มักจะบอกต่อกัน ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่เน้นเที่ยวตามรีวิว ค้นหาข้อมูลเอง การนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงการโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไป

คาดว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น การท่องเที่ยวนครศรีธรรมราชน่าจะกลับมาคึกคักกว่าเดิม ด้วยความที่มีต้นทุนทางด้านวัฒนธรรมและทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มเติมในส่วนของการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ สร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยวในอนาคต

ชมคลิป VDO สัมภาษณ์

ชมรายการ Live สด  “ฅนต้นแบบ งานต้นแบบ เมืองนคร” ได้ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๙.๓๐-๒๐.๓๐ น. ได้ที่นี่

*****************************************

ร่วมสนับสนุนผลิตสื่อ “สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นการท่องเที่ยว” ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ นำสินค้ามาขายร่วมกัน Nakhonsistation 092-6565-298 คุณ เกียรติ