ส้มโอทับทิมสยาม ผลไม้ต้องลองของดีเมืองนครศรี

ถ้าพูดถึงสุดยอดของส้มโอในยุคปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้น “ส้มโอทับทิมสยาม” หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ส้มโอแดงสยาม” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่เป็นของดีขึ้นชื่อประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ ณ ตอนนี้ ที่สามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างดี เนื่องจากความต้องการของตลาดนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

            ก่อนอื่นเราทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของส้มโอสายพันธุ์นี้กันสักหน่อยก่อนว่ากว่าจะได้มาเป็นสุดยอดของส้มโอในยุคนี้นั้น ใครกันที่เป็นคนพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ จนเราได้มีโอกาสกินส้มโอที่มีรสหวานไม่มีรสขมกัน

ส้มโอทับทิมสยามเป็นมาอย่างไร

ส้มโอทับทิมสยาม

            จุดเริ่มต้นของส้มโอทับทิมสยามนั้น เริ่มจาก เมื่อปี พ.ศ. 2523 “นายสมหวัง มันแหละ” เกษตรกรในหมู่บ้านแสงวิมาน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ไปซื้อส้มโอพันธุ์พื้นเมืองมาจาก อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกส้มโอพันธุ์พื้นเมืองนี้ว่า “ส้มโอสีชมพู” เพราะเนื้อของส้มโอจะเป็นสีชมพู แต่ทว่ารสชาติไม่อร่อยเลยไม่เป็นที่นิยมซื้อมารับประทานกัน

            ในตอนแรกนายสมหวังได้ทำการซื้อมาทดลองปลูกที่บ้านแสงวิมานจำนวน 3 กิ่ง จนเมื่อต้นโตติดผลแก่และนำมารับประทานได้นั้น ปรากฏว่ามีรสชาติหวานมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังมีรสขมปนอยู่ จึงใช้วิธีปรับปรุงพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งแบบต่อเนื่องหลายๆ รุ่น จนกระทั่งในรุ่นสุดท้าย นำกิ่งตอนนั้นไปปลูกจนติดผล และเมื่อนำเนื้อมากินปรากฏว่าไม่มีรสขมหลงเหลืออยู่แล้ว เหลือเพียงรสหวานเพียงอย่างเดียว ส่วนสีของเนื้อส้มโอนั้นก็มีสีแดงเข้มขึ้นคล้ายกับสีของทับทิมมาก นายสมหวังจึงตั้งให้ใหม่ว่า “ส้มโอทับทิมสยาม” หรือ “ส้มโอแดงสยาม” พร้อมกับทำการขยายพันธุ์ ปลูก เก็บผล และออกวางจำหน่ายจนได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากเนื้อส้มโอจะมีรสชาติหวานแล้ว ยังมีสีสันสดใสที่สวยน่ากินอีกด้วย

            สำหรับความต้องการส้มโอทับทิมสยามนั้น ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทำให้หน่วยงานของรัฐอย่างกรมพัฒนาที่ดินต้องเข้ามาสนับสนุนโดยการใช้รถแบ็คโฮขุดที่ดินให้ฟรำหรับเกษตรกรผู้ที่สนใจจะปลูกส้มโอทับทิมสยาม

ตลาดส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อนั้นเป็นกลุ่มตลาดจากจีนที่มาเหมา สามารถสร้างรายได้ต่อปีถึง 4-5 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าในอนาคตราคาของส้มโอทับทิมสยามจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่านี้อีกด้วย

ส่วนการจำหน่ายภายในประเทศนั้นมีที่ ตลาด อ.ต.ก.ในพื้นที่กรุงเทพฯ นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ ภูเก็ต กระบี่ ปัตตานี ยะลา สงขลา เป็นต้น

ส้มโอทับทิมสยามหวานฉ่ำ เปรี้ยวนิด ทานแล้วชุ่มคอชื่นใจได้ประโยชน์

ส้มโอทับทิมสยาม

            และที่สำคัญ “ส้มโอทับทิมสยาม” ยังมีผลดีต่อสุขภาพมากมายหลายประการดังต่อไปนี้

            1. มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

            2. เนื้อส้มโอตรงที่มีสีแดงจะมีสารแอนโทไซยานินสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อม และเสริมสร้างกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

            3. มีวิตามินบี1 ช่วยในการย่อยอาหาร

            4. มีวิตามินบี2 ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด

            5. มีโพแทสเซียมที่ดีต่อการทำงานของหัวใจและกล้ามเนื้อในร่างกาย

            6. มีสารโฟเลตที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

            7. มีสารลิโมนอยด์ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็งได้

            8. ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร

            9. ช่วยกำจัดสารพิษจำพวกโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

            10. ช่วยแก้อาการจุกเสียด และเป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติ

            11. ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก

            12. ช่วยแก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ

            13. มีเส้นใยอาหารสูง ส่งผลดีต่อลำไส้ ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย และบรรเทาอาการท้องผูก

            14. อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง

            15. เปลือกส้มโอด้านนอกที่เป็นสีเขียวมีต่อมน้ำมันหอมระเหยเป็นจำนวนมาก นำมาใช้ปรุงเป็นยาหอมได้ ช่วยทำให้สดชื่น แก้วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้อาเจียน

            16. เปลือกส้มโอสดนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วต้มน้ำอาบ ช่วยรักษาอาการลมพิษและผื่นคันที่ผิวหนังได้เมื่อรู้ถึงประโยชน์และข้อดีของส้มโอทับทิมสยามแบบนี้แล้ว จะพลาดไม่ลองซื้อมารับประทานได้ยังไง จริงมั้ยคะ ???     


“มังคุดคัด” เจ๊เป้า กินดิบๆ อาหารแปลกเมืองคอน มีแห่งเดียวในประเทศไทย

ชอบจุงเบย เวลาได้เปิบอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา จำได้ว่าเคยไปเจอคนขอนแก่นทำตูดเป็ดทอดขาย วันนี้ชายย้วยสุดแสนจะภูมิใจนำเสนอผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศไทย มันคือ มันคือ … “มังคุดคัด” เด้อคับ

หน้าตาก้อแสนจะธรรมดา มีเวลาเหลือนิดหน่อยหลังจากเข้าไปกราบพระธาตุที่วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช เดินเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาเล่น เห็นคนมุงร้านผลไม้ซึ่งที่จิงก้อคือ มะม่วง 1 ถาด กับมังคุดเสียบไม้ 1 ถาด

ชายย้วยนั่งคุยกับ “เจ๊เป้า” แม่ค้าคนงาม เวลายิ้มก้อยิ้มหวานซะด้วย นางบอกว่าขายประจำที่นี่ มานครศรีฯ ถ้าไม่กินมังคุดคัดถือว่ายังมาไม่ถึงนครกันเลยทีเดียว

เจ๊จ้อไปพลางหยิบผลไม้ใส่ถุงไปพลาง ขายดีมากๆ มังคุดคัดไม่ได้มีพันธุ์อะไรพิเศษ ตำนานดั้งเดิมคือการขนส่งลำบากมาก มาทางรถไฟ ขนผลไม้เป็นกระสอบๆ ของดิบๆ ก็จะคัดทิ้งๆ บรรดาคนเฒ่าคนแก่พากันไปเก็บมังคุดดิบมาปอกเปลือกแล้วร้อยเชือกขาย พวงละสลึงเดียว มีหลายลูก จากนั้นมังคุดคัดก้อโดนจับเสียบไม้ อัพเกรดขึ้นมาอีกนิดหน่อย ขายไม้ละ 5 บาท

ลองคิดดูว่ามีมานานแค่ไหน เจ๊เป้าบอกว่าเกิดมาก้อเห็นคุณย่าขายแล้ว ทุกวันนี้รับมรดกตกทอดเป็นอาชีพหลัก ราคารวมเปลือกตอนนี้ กิโลละ 170-180 บาท แพงแท้ล่ะ

เจ๊เป้าขายไม้ละ 30 บาท ซื้อ 4 ไม้ ลดราคาเหลือ 100 บาท จำง่ายๆ ว่า 4 ไม้ 100 ก้อละกัน

เจ๊เป้าบอกว่า ทำไม่ง่ายนะจ๊ะ เป็นสินค้าอุตสาหะ เพราะต้องปอกเปลือก และต้องมีความชำนาญ เพราะถ้าปอกไม่เป็นจะไม่ออกมาเป็นลูกสวยงามอย่างที่เห็น ที่สำคัญเจ๊มีความไม่ธรรมดา เพราะมังคุดคัดของเจ๊เป้าได้รับรางวัลเกียรติบัตรจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้รับพร้อมกับเรื่องแห่ผ้าขึ้นธาตุทีเดียวเชียวนะ

ถ้าอยากจะเลือก เจ๊แนะนำว่าลูกไซซ์เล็กจะอมเปรี้ยวฝาด ลูกไซซ์ใหญ่จะหวานกว่าเล็กน้อย เจ๊ประจำการที่วัดทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 บ่าย 3

คนนอกพื้นที่อยากชิม เจ๊เป้ามีจัดส่งให้ด้วยอ่ะ สนนราคา 100 ลูก ราคา 1,000 บาทขาดตัว คะเนดูจากราคาเสียบไม้ ลูกใหญ่ไม้ละ 2 ลูก ลูกเล็กจะเสียบไม้ละ 3 ลูก เจ๊บอกว่าปกติขายปลีก 100 ลูก ตกราคา 1,200 บาท แต่ถ้าสั่งทีเดียว 100 ลูก ถือว่าเข้าระบบขายส่ง ลดราคาเหลือพันถ้วน แถมบริการคัดลูกสวยอีกต่างหาก

อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด มากันเป็นคณะใหญ่ ชายย้วยรีบร้อนวิ่งขึ้นรถดันลืมถามเบอร์โทรศัพท์เจ๊เป้า แต่ไม่เป็นไร ขอแค่มาเมืองคอนจะเห็นพ่อค้าแม่ขายแบกถาดขายมังคุดคัดอยู่ทั่วไป กวักมือเรียก จ่ายเงิน แค่นี้ก้อได้ชิมของอร่อยและแปลก เด้อคับ

แหล่งที่มา https://www.technologychaoban.com/folkways/article_13183