บรรยากาศงาน OTOP ภูมิภาค ความสุขผลิบานทั่วไทย ชวนมาช็อป มาชิมสินค้าของดีระดับ5ดาว

นครศรีสเตชชั่นแนะนำที่เที่ยวครั้งนี้  เราจะชวนพี่ๆน้อง ๆ และนักท่องเที่ยวทุกท่านไปเที่ยวกันที่ งานOTOPภูมิภาค นครศรีธรรมราช ที่จัดขึ้นวันที่ 19-25กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้ทางแอดมินเลยเก็บภาพบรรยากาศมาให้ทุกคนชมกันค้า ภายในงานจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย…

 

งานOTOPภูมิภาค ความสุขผลิบานทั่วไทย ครั้งนี้จัดขึ้นที่ตังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ลานตลาดเสาร์-อาทิตย์ ถนน พัฒนาการคูขวาง เป็นงานที่รวบรวมของกิน ของใช้ เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ความงาม น้ำมัน สมุนไพรนวดต่างๆไว้ที่งานนี้งานเดียว และไม่เพียงแต่เป็นสินค้าจังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยที่มาออกบูธขายของ นำสินค้าOTOPของดีระดับ5ดาวประจำจังหวัดตนเองมาอวดคุณสมบัติ ความอร่อยกันที่งานนี้ เรียกได้ว่ามางานนเดียวเที่ยวทั่วไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ

ทางผู้จัดงานได้มีมาตรการเรื่องป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัดมากๆเลยทีเดียวค่ะ  มีการวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน และที่สำคัญมากๆ ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด19 (อย่างน้อย 2 เข็ม) กับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง และนอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดงจากหลากหลายภูมิภาคในประเทศไทย มีการสาธิตและการแสดงทางวัฒนธรรม พร้อม ไฮไลท์พิเศษกับการแสดงแสงเสียงในระบบ Multimedia อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ที่มาร่วมชม ช้อป ชิม กับกิจกรรมภายในงาน ซื้อสินค้าครบ 500 บาท สามารถลุ้นรับโชคกับรางวัลพิเศษในทุกวันและรางวัลใหญ่ประจำสัปดาห์ รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท แอดมินการันตีความปังอลังการของงานแน่นอนค่า

งานจะจัดขึ้นในเต้นท์โดมมีแอร์ และแบ่งที่เป็นโซนต่างๆให้ง่ายต่อการเลือกชมและลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ภายในงานมีพ่อค้าแม่ค้าขนของดีมาสาธิตกันเห็นๆถึงสรรพคุณที่ดีเลิศจากสินค้าOTOPของจังหวัดตนเอง ไม่ธรรมดากันใช่มั้ยคะ และภายในงานยังมีของกินเพียบ คนมาจากทุกๆจังหวัด อาธิเช่น ผลไม้ตามฤดูกาลจากเชียงราย อโวคาโดสดๆ เสาวรสลูกโตๆ น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู มาจากทางสงขลา คือไข่ครอบำเนื้ออวบๆเด้งๆ ชาชักจากยะลา ข้าวยำน้ำบูดูจังหวัดปัตตานี หมูยอไร้แป้งอุบลราชธานี น้ำมันนวดจากนครศรีธรามราช ผลติภัณฑ์เสริมความงามจากไข่มุกสงขลา เครื่องจักรสานจังหวัดชัยภูมิ ผ้ายก ผ้าทอจากจังหวัดต่างๆ ข้าวสีออแกนิคจากนครปฐม พ่อค้าเเม่ค้าในงานเป็นกันเอง น่ารัก แนะนำทุกอย่างดีมากเลย พูดคุยเป็นกันเอง แอดมินเดินเพลินเลยค่า

 

สินค้าของดีจากหลากหลายภูมิภาค หลากหลายจังหวัดในประเทศไทย นำสินค้ามาให้เลือกช้อปในราคาไม่แพง รวบรวมไว้ที่ งานOTOP ภูมิภาค ประจำปี2564 งานนี้งานเดียวเท่านั้น หากใครที่พลาดงานครั้งนี้ แอดมินรวบรวมมาให้ทุกคนชมแล้ว งานหน้าห้ามพลาดที่จะไปอุดหนุนสินค้าOTOPของดีระดับ5ดาวกันเยอะๆน้า

บรรยากาศในงาน แอดมินเก็บรูปมาฝากค่า..

 

Malong มาลอง ไวน์กระเจี๊ยบและลูกหว้า ของดี ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่

     เราไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องซื้อของฝากของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปด้วย และสินค้าของดีของขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดก็มีแตกต่างกันออกไป บางสินค้าผลิตหรือแปรรูปมาจากสิ่งที่มีอยู่ในหมู่บ้านในชุมชน แปรรูปเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนและแปรรูปเพื่อไม่ในทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมากสูญเสียไปอย่างไร้ประโยชน์

ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่แปรรูปจากผลไม้ ที่สามารถซื้อไปเป็นของฝาก หรือซื้อกับไปดื่มฉลอง สังสรรค์ เนื่องในโอกาสต่างๆ ก็ต้องหนีไม่พ้นไวน์ผลไม้นะคะ ถ้าจังหวัดเชียงใหม่มีไวน์สตอเบอรี่เป็นของขึ้นชื่อ จังหวัดนครศรีธรรมราชเราก็มีไวน์ขึ้นชื่อเหมือนกันนะคะ วันนี้แอดจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Malong ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกระเจี๊ยบและลูกหว้า ผลไม้ในท้องถิ่น ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

 

คุณบุญมาก ประธานวิสาหกิจชุมชนบางขี้หมู เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะเกิดขึ้นเป็นไวน์กระเจี๊ยบ ทางวิสาหกิจชุมชนได้ผลิตแยมกระเจี๊ยบขึ้นมาก่อน และเมื่อผลิตแยมกระเจี๊ยบแล้วมีน้ำกระเจี๊ยบเหลือเป็นจำนวนมากจึงไม่อยากจะทิ้งให้น้ำกระเจี๊ยบเสียประโยชน์ไปเปล่าๆ จึงนำน้ำกระเจี๊ยบที่เหลือมาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบสดขาย แต่ด้วยน้ำกระเจี๊ยบสดมีอายุการเก็บรักษาไว้ทานนั่นได้ไม่นาน จึงต้องคิดหาวิธีทำให้การเก็บรักษาของน้ำกระเจี๊ยบให้นานกว่าเดิม จึงเกิดการประชุมหาวิธีกันในกลุ่มวิสาหกิจ และได้ข้อสรุปกันว่าจะผลิตไวน์กัน เริ่มศึกษาและทดลองผลิตไวน์กระเจี๊ยบจนสำเร็จผล และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงคิดจะหาผลไม้ท้องถิ่นมาผลิตไวน์เพิ่มอีก และได้เห็นลูกหว้าที่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีผล ที่ใกล้จะสูญพันธุ์จึงนำลูกหว้ามาแปรรูปผลิตเป็นไวน์ลูกหว้า เพื่อที่จะได้อนุรักษ์ลูกหว้าผลไม้ท้องถิ่นของชุมชน และเพื่อเป็นเจ้าแรกที่แรกที่ผลิตไวน์ลูกหว้า และได้รับการรับรองมาตรฐานโดยกรมสรรพสามิตอีกด้วยนะคะ

รสชาติของไวน์กระเจี๊ยบและไวน์ลูกหว้ามีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และในปัจจุบันนี้มีไวน์สัปปะรดเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ไวน์สัปปะรดจะมีสีและรสชาติที่ออกไปทางไวน์ขาว จากการที่แอดมินได้ลองชิมนะคะ ไวน์กระเจี๊ยบจะมีรสชาติดื่มง่ายค่ะเหมาะกับผู้หญิงรสชาตินุ่มนวลและเบาบาง ส่วนไวน์ลูกหว้าจะมีรสชาติและรสสัมผัสที่หนักแน่นกว่าแอดมินเลยคิดว่าไวน์ลูกหว้าน่าจะเหมาะกับผู้ชายหรือคนไหนที่ชอบดื่มแบบเข้มๆค่ะ

ขอแนะนำเลยนะคะถ้ามาเที่ยวที่อำเภอเชียรใหญ่แล้วอย่าลืมแวะมาชิม แวะมาช็อป ซื้อกลับไปเป็นของฝาก สาย L คือพลาดไม่ได้เลยนะคะ แต่ถ้าหากไม่ดื่มไวน์ก็สามารถซื้อแยมกระเจี๊ยบแทนก็ได้นะคะ ผลิตภัณฑ์ของ Malong สามารถซื้อกลับไปฝากให้คนในครอบครัวได้ทั้งครอบครัว แยมกระเจี๊ยบสามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนไวน์ก็สามารถซื้อมาเป็นของฝาก ของที่ระลึก หรือซื้อมาดื่มฉลอง สังสรรค์กันได้อย่างมีความสุขเลยค่ะ

 

ประมวลกิจกรรมงาน มาฆะ มานะ มานครฯ ย้อนร้อยธรรม นำเที่ยว ชิมช็อป

นครศรีสเตชชั่นแนะนำที่เที่ยวครั้งนี้  แอดมินจะชวนพี่ๆน้อง ๆ และนักท่องเที่ยวทุกท่านไปเที่ยวกันที่งานมาฆะในรูปแบบใหม่ คืองาน มาฆะ มานะ มานครฯ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่13-16กุมภาพันธ์2565 ที่ผ่านมา วันนี้แอดมินเก็บภาพบรรยากาศมาให้ได้ชมกัน จะมีกิจกรรมอะไรๆสนุกๆบ้างไปดูกันเลย…

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำงานนครศรีธรรมราชได้จัดงานมาฆะขึ้นมาในรูปแบบใหม่ แต่ยังคงConcept การเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม โดยรูปแบบของงานเป็นงานมินิมอล ย้อนยุค เหมาะแก่การไปถ่ายรูปสุดๆ นอกจากนี้ที่งานยังมีร้านอาหารเจ้าเด็ดเจ้าดังจังหวัดนครฯไปเปิดมากมาย งานนี้กำเงินไปได้ของกินอร่อยๆติดไม้ติดมือกลับบ้านกันแน่นอน

นอกจากนี้ในงานก็จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ งานบรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด ยังคงมาตรการเที่ยวแบบสนุก รักษาระยะห่าง ในงานยังมีที่ทานอาหารนั่งพื้นชิคๆเก๋สุดๆ ในงานยังมีกิจกรรมต่างๆและการแสดงโชว์ต่างๆ และมีนิทรรศการมากมายในงานอีกด้วยค่ะ

ในงานจะมีนิทรรศการผ้าพระบฏจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าไปชมกันค่ะ

ผ้าพระบฏ คือผ้าที่ชาวพุทธทั่วโลกสืบเนื่องกันมาหลายประเทศเช่นกับสมัยพุทธกาลในอินเดียมีตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับการเขียนผ้าพระบฏกล่าวว่าพระเจ้าอาชาตศัตรูทูลขอพระพุทธฉายจากพระพุทธเจ้าเพื่อสักการบุชาแทนพระองค์ซึ่งพรุพุทธองค์ก็ได้โปรดประทานพระพุทธฉายประทับอยู่บนผ้าผืนหนึ่ง ซึ่งระบายด้วยสีต่างๆและมีการสืบต่อการทำภาพบนผืนผ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาไปยังประเทศต่างๆที่นับถือพุทธศาสนา เช่น ทิเบต จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เนปาล พม่า ลังกาวี ไทย ลาว ตราบเท่าปัจจุบันนี้

นอกจากนี้ผ้าพระบฏมีลักษณะแนวนอนผืนยาว มีเขียนภาพพุทธประวัติ หรือเป็นผ้าสีเหลือง แดง ขาว แถบยาว แล้วผู้คนก็จะเทินไว้เหนือศีรษะเป็นผืนยาว แห่ไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ อันถือเอาธรรมเนียมมาแต่สมัยพญาศรีธรรมโศกราช ที่ริเริ่มไว้เมื่อ๘๐๐ปีที่แล้ว

ในงานยังแบ่งโซนอาหารและเครื่องดื่มไว้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นงานรวมตัวร้านอาหารของเด็ด เจ้าดังในจังหวัดนครศรีธรรมราชเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านโกปี๊ ขนมจีนป้าจู ขนมปะดาโพธิ์เสด็จ ร้านก๋วยเตี๋ยวเส้นปลาโกอ่าง ร้านขนมพื้นบ้านต่างๆ ตลอดจนงานแฮนด์เมด เรื่องถม เป็นต้น

และยังมีการออกบูธขายสินค้าของดีของชุมชนต่างๆในจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะเป็นชุมชนหัวไทร ชุมชนพรหมโลก โกโก้One More เป็นต้น เป็นบูธขายอาหารแปรรูป เช่นน้ำพริกของขึ้นชื่อกะปิปากพนัง ซูชิมันปูนา ปลาหวานแปรรูป ลูกตาลลอยแก้ว เป็นต้น

และทีเด็ดในงานนี้สำหรับแอดมินยกให้ ยำดอกดาหลา จากชุมชนพรหมโลกส่งเข้าประกวด ว้าวมากๆแอดมินไม่เคยกินยำดอกดาหลามาก่อน เป็นการยำโดยการใช้ดอกดาหลาซอย ใส่ด้วยน้ำยำสูตรเข้มข้นของชุมชน ใส่ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้งตัวใหญ่ พริกสด หอมซอย น้ำมะนาวนิดหนึ่ง ยำให้เขากัน ก่อนจะเสิร์ฟ?อปด้วยกุ้งอีกที อื้อหือ รับรองลืมไม่ลงแน่นอน

นอกจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักนครศรีธรรมราชยังจัดกิจกรรมไว้ให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกเพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดน่ารักจากน้องมานะอีกด้วย

บรรยากาศงานมาฆะ มานะ มานครฯ สนุกแบบคงวัฒนธรรม งานไม่เล็กไม่ใหญ่เดินได้ทั่วถึง งานน่ารักๆแบบนี้ ขอขอบคุณทางการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จัดงานดีด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับนครสรีธรรมราช ปีหน้าหากมีงานดีดีแบบนี้อีก ทุกคนห้ามพลาดที่จะไปเที่ยวน้า

ชมคลิปกิจรรม

กาแฟปูนา ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ ตำบลตรอกแค อำเภอชะอวด

กาแฟปูนา เป็นกาแฟแบบไหน พอจะเดาออกกันมั้ยค่ะ ? จะเป็นนั่งดื่มกาแฟชมทุ่งนา ชมปูนา หรือกาแฟขี้ปูนาอารมณ์คล้ายๆกาแฟขี้ชะมด แล้วปูนาจะมาอยู่ในกาแฟได้อย่างไร? แล้วมันจะรสชาติอย่างไร? จะคาวหรือเปล่า?

วันนี้มาหาคำตอบของคำถามพวกนี้ไปพร้อมๆกันแอดมินนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็มาอ่านเรื่องราวของกาแฟปูนากันนะคะ

คุณสนั่น เจ้าของตลาดใต้ต้นปาล์มริมคลองตรอกแค เล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่รกร้างของครอบครัว ถูกละทิ้งไว้หลายปี จนคุณสนั่นมีแนวคิดที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตรงนี้ ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแหล่งเรื่องรู้ในการนำผลิตภัณฑ์ที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ และมีโฮมสเตย์ที่เน้นธรรมชาติ

 

กาแฟปูนาเกิดจาก คุณสนั่นได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในบริเวณบ้านตรอกแค ได้พบว่าชาวบ้านจะนำไซไปวางตามท้องนา คูนา จะมีปูมีปลาติดมาตามไซ แต่ชาวบ้านต้องการแค่ปลาไม่ได้ต้องการปูนา คุณสนั่นเลยเกิดข้อสังสัยว่าแล้วชาวบ้านจะทำอย่างไรกับปูนาที่ติดด้วย ชาวบ้านได้บอกกับคุณสนั่นว่าปูนาที่ติดมากับไซจำเป็นต้องทิ้งเพราะไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้

คุณสนั่นจึงขอปูนามาคิดวิธีแปรรูปปูนาเพื่อไม่ให้สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติไปอย่างเสียประโยชน์ ช่วงแรกๆได้นำปูนามาแปรรูปเป็นน้ำพริกผงปูนาชนิดแห้งแบบซองสามารถพกพาได้ ส่วนต่อมาคุณสนั่นได้คิดค้นการแปรรูปเป็นกาแฟสดสูตรปูนา เป็นกาแฟสดที่มีส่วนผสมของปูนา 100% ไม่มีสารเคมีในการผลิต คุณภาพและรสชาติได้มาตราฐานอย่างแน่นอน คุณสนั่นฝากแอดมินมาการันตีค่ะ

 

จากที่แอดมินได้ลองชิมกาแฟปูนาแล้วนะคะ สิ่งที่เด่นขึ้นมาเลยจนแอดมินตกใจคือกลิ่นของกาแฟที่หอมมาก ไม่มีกลิ่นคาวของปูนา เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากนะคะที่กาแฟไม่มีกลิ่นคาวของปูนา และรสชาติของกาแฟกับปูนาก็เข้ากันดี

ส่วนวิธีการทำนั้นปูจะต้องเป็นปูที่ออกไข่มาแล้วสี่รอบ โดยจะจับปูมาพักเพื่อล้างท้องก่อน 5 วัน จากนั้นให้ทานข้าวสวย 5 วัน และจากนั้นจึงนำไปทำความสะอาด และเอาส่วนที่ไม่ใช้ออก จากนั้นก็นำไปทำให้สุกแล้วนำมาคั่วกับเมล็ดกาแฟ จะมีทั้งแบบคั่วเข้มและคั่วกลาง

  ผลิตภัณฑ์กาแฟปูนา
  • แบบแก้วพร้อมดื่ม ราคา 40 บาท 
  • แบบซองสำหรับดริป 35 บาท
  • แบบถุง 200 กรัม 200 บาท

  • สบู่กาแฟปูนา ก้อนละ 35 บาท

 

และภายในตลาดใต้ต้นปาล์มริมคลองตรอกแคนี้ ยังมีโฮมสเตย์ที่สามารถเข้ามาพักเพื่อซึมซับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติได้อีกด้วยนะคะ

ภายในจะมีร้านกาแฟปูนา สัตว์ต่างๆที่ทางคุณสนั่นเลี้ยงไว้ มีทั้งกวาง ปู ปลา ไก่และเต่า เดินชมสัตว์ภายในบริเวณตลาดใต้ต้นปาล์มไปพร้อมกับบรรยากาศดีๆ และมีของสะสมของเก่าที่คุณสนั่นนำมาเก็บไว้สะสมให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ชมกันด้วยนะคะ

พอได้มาเห็นของเล่นโบราณและของเก่าๆก็นึกถึงสมัยยังเป็นเด็กเลยค่ะ แอดมินของบอกเลยค่ะว่าตลาดใต้ต้นปาล์มริมคลองตรอกแคและกาแฟปูนาเป็นสิ่งที่ทุกคนห้ามพลาดนะเมื่อมาเที่ยวที่อำเภอชะอวดแล้ว แวะชิมชมช้อป ซื้อกลับไปเป็นของฝากกันนะคะ

 

และอย่าลืมเล่าเรื่องราวของกาแฟปูนาให้คนที่เราซื้อของไปฝากได้ฟังด้วยนะคะ รับรองว่ารสชาติของกาแฟจะอร่อยมากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ เมื่อรู้ถึงเรื่องราวของกาแฟปูนา

ชมคลิป VDO

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลโกโก้ จากสวนโกโก้ธวัชชัย ของดี อำเภอท่าศาลา

สวนโกโก้ธวัชชัย ผลิตภัณฑ์จากผลโกโก้ ของดี ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช

อำเภอท่าศาลาเป็นพื้นที่ที่ปลูกโกโก้เยอะที่สุดในจังหวัดนครศรีธรรมราช และถ้าหากมาเที่ยวอำเภอท่าศาลาแล้วยังไม่มีของฝากกลับไป วันนี้แอดมินก็ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากโกโก้ จากสวนโกโก้ธวัชชัยนะคะ

 

    เรามาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของสวนโกโก้ธวัชชัยกันนะคะ คุณธวัชชัย เสพย์ธรรม เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งด้านการปลูกและการหมักโกโก้โดยวิธีการโบราณจากรุ่นพ่อแม่ โดยภายในบริเวณรายล้อมไปด้วยต้นโกโก้ดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ ปี 2535 จนปัจจุบันมีการเรียนรู้เพิ่มเติมและประยุกต์ใช้วิธีการหมักทั้งแบบโบราณ และแบบใหม่ปรับเปลี่ยนจนมีเทคนิคเอกลักษณ์ของตัวเอง และกลายมาเป็นเกษตรกรที่หันมาสนใจแปรรูปโกโก้รายแรกๆ ของท่าศาลา

พิกัด 8.7717,99.92276 บ้านเลขที่ 264 หมู่ 5 ตำบล สระแก้ว อำเภอ ท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราช   https://bit.ly/3swRqMl

 

    ภายในสวนจะมีต้นโกโก้ให้เห็นเป็นจำนวนมากค่ะ เป็นต้นโกโก้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี พี่จิ๋มเจ้าของสวนพาเดินชมต้นโกโก้ พร้อมพูดคุยกันถึงเรื่องโกโก้ การปลูกการดูแลการหมักและการแปรรูป สวนโกโก้ธวัชชัยแปรรูปแบบโฮมเมด ทำกันในครอบครัวตามกำลังและความสามารถของคนในครอบครัว ใช้ความใส่ใจความรักในโกโก้ทำด้วยความสุข และเมื่อแอดมินได้ลองชิมโกโก้ร้อนที่พี่จิ๋มทำให้ชิมทำให้แอดมินได้รู้สึกถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน และรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้นั่งดื่มโกโก้ในสวนของบ้านตัวเอง โกโก้มีกลิ่นหอมมากถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน และรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้นั่งดื่มโกโก้ในสวนของบ้านตัวเอง โกโก้มีกลิ่นหอมมาก

บริเวณหน้าบ้านจะเป็นลานตากเมล็ดโกโก้ ตากเมล็ดโกโก้ให้แห้งเพื่อที่จะนำมาแปรรูปต่อไป

   

การแปรรูป

  1. โกโก้นิปส์ (Cocoa nibs) เมล็ดโกโก้ที่ผ่านการหมักและตากเรียบร้อยแล้ว สามารถนำมาคั่วหรืออบที่อุณหภูมิประมาณ 150 องศาไม่เกิน 15 นาที จะได้เมล็ดโกโก้คั่วสุก ที่เรียกว่าโกโก้นิปส์ (Coca nibs)ถือเป็นโกโก้แท้100% สามารถรับประทานเป็นของขบเคี้ยวได้ทันที
  2. เปลือกหุ้มเมล็ดโกโก้ (Cocoa brew) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากเปลือกหุ้มเหม็ดที่ผ่านการตากและคั่วแล้ว สามารถนำมาใช้ทำชาสมุนไพร ให้กลิ่นหอม
  3. ผลิตภัณฑ์จากเนื้อโกโก้ (Coca liquor หรือ Coca mass) เป็นการนำเอาเมล็ดที่คั่วเรียบร้อนแล้วมาแกะหรือกะเทาะเปลือกออก จากนั้นนำมาทำการบด ด้วยครกหรือหินโม่บด จนกลายเป็นเนื้อเดียวกันได้ของเหลวที่เป็นโกโก้แท้100%สามารถนำมาเติมน้ำตาบออร์แกนิกส์ตามชอบเทลงพิมพ์กลายเป็นคราฟช็อคโกแลตหรือช็อดโกแลตโฮมเมด
  4. เนยโกโก้ (Cocoa butter) และโกโก้ผง (Cocoa powder) เกิดจากการนำเมล็ดโกโก้ที่คั่วและกะเทาะเปลือกแล้ว มาผ่านเครื่องแยกน้ำมันจะได้ผลิตภัณฑ์ส่วนที่เป็นของเหลวแยกส่วนที่เป็นน้ำมันออกมาเรียกว่าเนยโกโก้ ใช้ในส่วนผสมของอาหารและเครื่องสำอางค์ ส่วนที่เป็นเนื้อโกโก้จะกลายเป็นเนื้อสีน้ำตาลแยกออกมาจากน้ำมันนำไปผ่านการขึ้นละเอียดอีกครั้งกลายเป็นผงโกโก้นำไปเป็นส่วนประกอบของขนมต่างๆ

ผลิตภัณฑ์โกโก้โฮมเมดแบบนี้อาจจะมีรสชาติที่ต่างไปจากโกโก้หรือช็อคโกแลตที่หลายๆท่านเคยทาน แต่ถ้าหากลองเปิดใจซื้อมาลองชิมรับรองเลยค่ะ ว่าทุกท่านจะต้องติดใจไปกับรสชาติและความเป็นโฮมเมดของผลิตภัณฑ์โกโก้จากสวนธวัชชัย

เที่ยวสวนโกโก้แล้วอย่าลืมแวะขอพรไอ้ไข่วัดเจดีย์

    และเมื่อเราอิ่มกลายอิ่มท้องแล้ว ถ้าจะให้ครบจบเราต้องอิ่มใจด้วยนะคะ และสถานที่ใกล้สวนโกโก้ธวัชชัยที่จะทำให้ทุกท่านอิ่มใจพร้อมทั้งอิ่มบุญไปด้วยก็คือ วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) เป็นวัดชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จัก สายมูทั้งหลายอย่ารอช้านะคะ เริ่มเลยค่ะมาทำบุญและอาจจะขอพรหรือบนบานศาลกล่าวกับไอ้ไข่ แอบกระซิบว่าศักดิ์สิทธ์มากใครที่มาขอพรหรือบนบานส่วนมากจะได้ผลตามที่ขอ แต่หากได้รับผลตามที่ขอไว้ก็อย่าลืมกลับมาแก้บนตามที่บอกกับไอ้ไข่ไว้นะคะ และบางวันอาจจะได้ชมการแสดงมโนราห์ศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์สวยงามของภาคใต้ค่ะ

ชมคลิป VDO

กล้วยไข่กรอบแก้ว ของดี ของฝาก ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

กล้วยไข่กรอบ ใครไม่มานครฯแล้วไม่ได้ลองชิมลองทานถือว่าพลาดอย่างแรง !!

หากกล่าวถึง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช หลายๆ อาจจะคิดถึง กระเป๋ากระจูด ซึ่งเป็นสินค้างานหัตกรรม สร้างอาชีพ ทำเงินให้กับชุมชนมากมายทว่า อ.ชะอวด ไม่ได้มีของดีเฉพาะผลิตภัณฑ์จากกระจูดเท่านั้น เพราะที่ ต.เกาะชันธ์ อ.ชะอวด ยังมีของดี ที่อยากเชิญชวนทุกท่านมาลองชิมลองทานกัน เรียกว่า ผู้ใหญ่ทานได้ เด็กทานดี มีประโยชน์ ซื้อกินเองก็อร่อย ซื้อเป็นของฝาก ก็โดนใจคนรับแน่นอน

 

ความเป็นมา กล้วยกรอบไข่แก้ว บ้านเกาะร้าว

คุณป้า กุศล สุกใส หรือ ป้าน้อย ประธานกลุ่มกล้วยไข่กรอบแก้วบ้านเกาะร้าว ได้เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของกลุ่มกล้วยไข่กรอบแก้วบ้านเกาะร้าว เดิมก่อนที่จะเกิดเป็นกลุ่มกล้วยไข่กรอบแก้วบ้านเกาะร้าว เป็นกลุ่ม 60 พรรษามหาราชินี โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2536  และเมื่อปี พ.ศ.2542 ได้เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตก ทางวิสาหกิจชุมชนจึงได้มีการแจ้งให้มีการจัดตั้งกลุ่มขึ้น

ในครั้งนั้นได้จัดตั้งกลุ่มถั่วเคลือบน้ำตาลแต่เนื่องด้วยขาดวัตถุดิบในการผลิตสินค้าจึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้  ต่อมาในปี พ.ศ.2542 มีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 20 คน ทางวิสาหกิจชุมชมจึงปรับเปลี่ยนมาทำผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกล้วย เพราะเห็นว่าในหมู่บ้านทุกบ้านจะมีต้นกล้วย เลยเริ่มผลิตกล้วยฉาบ โดยได้ไปศึกษาดูงานจากกล้วยฉาบแม่แดง จังหวัดพัทลุง  นำมาปรับเปลี่ยนพัฒนาสูตรเป็นสูตรเฉพาะของกลุ่มกล้วยไข่กรอบแก้ว จากที่ใช้กล้วยน้ำหว้าในการทำกล้วยฉาบเลยเปลี่ยนมาใช้กล้วยไข่แทน และได้ขอ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) อย่างถูกต้องและในปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 60 คน

รางวัล และผลงาน กล้วยกรอบไข่แก้ว บ้านเกาะร้าว

  • ในปี พ.ศ.2544 ได้รับรางวัลกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นอันดับ 2 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
  • ปีพ.ศ.2545 และ ปีพ.ศ. 2562 ได้รางวัลกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นอันดับ 1 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
  • ส่วนปัจจุบันในปี พ.ศ. 2564 ก็ได้รับรางวัลกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นอันดับ 2 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
  • อีกหลายหลากรางวัล ที่เป็นเครื่องการันตี ทั้งความสด อร่อย และสะอาด

ขั้นตอนการผลิต กล้วยกรอบไข่แก้ว บ้านเกาะร้าว

ขั้นตอนที่ 1 จะเริ่มจากการปอกเปลือกกล้วยและนำมาล้างน้ำ หลังจากนั้นตั้งให้กล้วยสะเด็ดน้ำจนแห้ง

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อกล้วยแห้งดีแล้วจึงนำมาสไลซ์เป็นแผ่นบางๆ ลงในกระทะ

ขั้นตอนที่ 3 ทอดกล้วยในกระทะ คนให้เข้ากันจนสุกทั่วทุกแผ่น

ขั้นตอนที่ 4 ตักกล้วยที่ทอดสุกแล้วขึ้นมาจุ่มน้ำตาล เมื่อจุ่มเสร็จก็นำไปทอดอีกครั้ง (หากกล้วยฉาบรสชาติปกติหรือรสชาติจืด ไม่ต้องนำกล้วยไปจุ่มน้ำตาล สามารถทอดจนสุกและทำตามขั้นตอนต่อไปได้เลย)

ขั้นตอนที่5 ตักกล้วยที่ทอดจนสุกแล้วขึ้นมาตั้งและพักไว้ให้เย็น หลังจากนั้นนำมาแพ๊คใส่ถุง เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำกล้วยไข่กรอบแก้ว

 

เห็นวิธีการทำกันแล้วเริ่มน้ำลายไหลกันแล้วใช่ไหมคะ ขนาดแอดมินได้ชิมกล้วยไข่ฉาบของคุณป้า ก็ยังติดใจจนต้องซื้อกลับมากินเพิ่มเลยค่ะ กล้วยไข่ฉาบสไลซ์แผ่นพอดีคำ น้ำตาลที่เคลือบอยู่มีรสชาติที่พอดีไม่หวานมาก บวกกับความมันของกล้วยไข่ กัดชิมคำแรกคือทั้งกรอบและรสชาติดี กินเพลินกินมันส์จนหยุดไม่อยู่เลย นึกงถึงภาพนั่งทำงาน นั่งเรียนออนไลน์ ดูซีรี่ย์ แล้วหยิบกล้วยไข่กรอบแก้ว เข้าปากไป ซิลเลย

กล้วยไข่กรอบแล้วมีให้เลือกหลายรสตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นรสดั้งเดิม รสหวาน รสเค็ม รสปาปริก้า ราคาของกล้วยไข่กรอบแก้วก็ไม่ได้แพงเลยนะคะ มีทั้ง ขนาดถุงเล็ก 20 บาท ขนาดถุงกลาง 60 บาท และขนาด 1 กิโลกรัมราคา 120 บาท เหมาะมากๆ เลยค่ะ สำหรับจะซื้อไปเป็นของฝาก หรือหากใครชอบเผือก ที่นี่เขาก็มีเผือกกรอบแก้วให้ได้ลอง รับรองถูกใจสายเผือกเช่นกันอย่างแน่นอนจ้า

 

คุณป้ายังฝากมาบอกอีกนะคะว่า ถ้าทุกท่านมีโอกาสได้มาเที่ยวที่อำเภอชะอวด เชิญชวนแวะมาซื้อกล้วยไข่กรอบแก้วไปเป็นของฝากกันเยอะๆนะคะ คุณป้าใจดีมาก มีแถมกล้วยไข่กรอบแก้วไปให้กับทุกท่านทุกออเดอร์ แบบว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ

แวะอุดหนุน กล้วยกรอบไข่แก้ว บ้านเกาะร้าวแล้วแนะนำมานั่งทานกันต่อที่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากให้ทุกท่านพลาดถ้าหากได้มาเที่ยวอำเภอชะอวด นั่นก็คือเข้าไปเที่ยว นั่งกินลมชมวิวพระอาทิตย์ตกที่อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสมีวิวและทัศนียภาพที่สวยงามมากนะคะ โอบล้อมไปด้วยขุนเขา มีจุดที่ทุกท่านสามารถจอดรถไปนั่งปิกนิกนำอาหารและเครื่องดื่มไปนั่งทานได้ หรือจะนำกล้วยไข่กรอบแก้วไปนั่งทานไปพร้อมๆกับการชมวิว รับรองเลยค่ะว่าทุกท่านจะได้รับทั้งความอิ่มกายและอิ่มใจไปพร้อมๆกันแน่นอน อย่าลืมแวะมา ชม ชิม ช้อปกันที่อำเภอชะอวดกันเยอะๆนะคะ

10 พระเครื่องนครศรีธรรมราช เชิญมากราบไหว้บูชา ขอพร สัมฤทธิ์ผลหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย

เอาใจสายมู กับของขลัง กับ 10 พระเครื่องชื่อดังเมืองนครฯ  หากเราพูดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากอาหารอร่อย ของพื้นเมืองขึ้นชื่อ และที่ท่องเที่ยวสุดชิคแล้ว ก็ต้องไม่พลาด เครื่องรางของขลัง ที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน และวันนี้ เราก็จะพาไปรู้จักกับ 10 พระเครื่องนครศรีธรรมราชกัน

1.องค์จตุคราม รามเทพ

องค์จตุคาม รามเทพ วัดพระธาตุ

            ชาวนครฯเชื่อกันว่าองค์จตุคราม รามเทพนั้น คือองค์ที่คอยปกปักรักษาบ้านเมืองและผู้ศรัทธาให้มีแต่ความสุข ความเจริญ เพราะเป็นองค์สมมติเทพคือ พระนารายณ์อวตาร นั่นเอง ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า

“มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก” การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ผิดศีลธรรม

2.พ่อท่านคล้ายวัดสวนขัน

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน

            พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์”  ประชาชนและลูกศิษย์ต่างเคารพนับถือพ่อท่านคล้าย ด้วยพ่อท่านจะพูดจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส อารมณ์เยือกเย็น พร้อมให้พรทุกคนอยู่เสมอ เนื่องจากท่านขึ้นชื่อเรื่องวาจาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจึงกลัวท่านตำหนิมาก เพราะเชื่อว่าทุกคนที่ถูกตำหนิจะพบกับสิ่งวิบัติ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงหวังจะได้รับคำอวยพรจากท่านกันแทบทั้งสิ้น และนอกจากคำอวยพรแล้ว วัตถุมงคลจากพ่อท่านคล้ายก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างเสาะแสวงหาเพื่อนำมาบูชาเช่นเดียวกัน

3.หัวนะโม

หัวนะโม

            หัวนะโม เครื่องรางของขลังที่ชาวนครฯรู้จักดี  ที่เรียกว่า “หัวนะโม” มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ มีอักษรปัลลวะหรืออักษรอินเดียโบราณจารึกไว้บนเหรียญ ตอนที่เกิดโรคห่าระบาด กษัตริย์แห่งอาณาจักรได้นำหัวนะโมที่ปลุกเสกไปโรยไว้รอบๆเมือง ปรากฎว่าโรคห่าได้หายไป จึงเป็นที่มาของการบูชานับถือจนถึงปัจจุบันนี้  โดยในปัจจุบันนิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับ ตกแต่งเพื่อความสวยงามในการพกพา

4.พระแม่เศรษฐี วัดร่อนนา

พระแม่เศรษฐี วัดร่อนนา

            ว่ากันว่าเมื่อ 800ปีก่อนมีครอบครัวเศรษฐีที่มีลูกสาว 1คน แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้นางพลัดตกน้ำไป และไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่พบ ด้วยความรักที่มีต่อบุตรสาว เศรษฐีจึงให้สร้างรูปปั้นลูกสาวของตน แต่ไม่ว่าจะสร้างยังไงก็ไม่เหมือน จนรู้ถึงหูพระอินทร์จึงให้พระวิษณุแปลงกายมาเป็นพราหมณ์เฒ่าลงมาช่วยจนสำเร็จ จึงกลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้องค์แม่เศรษฐีขึ้นชื่อเรื่องการขอบุตร หากใครต้องการมีบุตรธิดาก็ต่างมาขอที่นี้ และสมหวังก็จะนำรูปถ่ายของลูกมาไว้ที่ศาลเจ้าของเจ้าแม่นั่นเอง

5.ไอ้ไข่

ไอ้ไข่ วัดเจดีย์

              นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไอ้ไข่” เพราะขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภ เลขเด็ด ทำมาค้าขึ้น โดยผู้ที่บูชาต่างก็ได้รับโชคดีกันไปตามๆกัน จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาที่วัดดอนเจดีย์ ไม่ขาดสายนั้นเอง  โดยตามตำนาน ไอ้ไข่ นั้น มีมากมายหลายเรื่องด้วยกัน

อาทิ เช่น ไอ้ไข่คือวิญญาณเด็กที่ติดตามหลวงพ่อทวด เมื่อหลวงพ่อทวดธุดงค์มาที่วัดร้างแห่งนี้ และให้วิญญาณดวงนี้เฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของแผ่นดินที่อยู่ภายในวัดไว้ เป็นต้น

6.พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

            พ่อท่านคลิ้ง พระอริยสงฆ์แห่งเมืองนครฯ ที่มีอายุถึง 104ปี และสังขารไม่เน่าเปื่อย โดยท่านออกบวชตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และครองเพศบรรพชิตมาตลอดจนกระทั่งละสังขาร พ่อท่านคลิ้งขึ้นชื่อเรื่องคาถาอาคม ท่านยังปลุกเสกวัตถุมงคลไว้มากมาย อาทิ ลูกอมชานหมาก พระปิดตาเนื้อผงผสมหว่าน เป็นต้น โดยวัตถุมงคลท่านพ่อคลิ้งนั้นเด่นไปทาง เมตตามหานิยม โภคทรัพย์ แคล้วคลาด ปลอดภัย นั่นเอง

7.พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง

.พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง

            ไม่มีเกจิใดไม่รู้จักเหรียญของพ่อท่านซัง แห่งวัดวัวหลุง เพราะเป็นเหรียญที่มีราคาแพงที่สุดในเมืองนครฯ  ด้วยเป็นพระคณาจารย์ในยุคเก่าที่มีบารมีสูง ว่ากันว่า ท่านไม่เคยสร้างเหรียญหรือรูปถ่ายใดใด จะมีก็แต่เครื่องรางประเภทตะกรุด เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ไม่มากนัก ทำให้มีราคาสูงมาก ซึ่งเหรียญถูกสร้างมาภายหลัง ขึ้นชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ทำให้เป็นที่หมายปองของคนที่ชอบสะสมของเหล่านี้เป็นอย่างมาก

8.พ่อท่านเขียว วัดหรงบล

พ่อท่านเขียว วัดหรงบล

            ชื่อเสียงของพ่อท่านเขียว เกิดจาก ลูกศิษย์ต้องการของดีจากอาจารย์เป็นที่ระลึก จึงนำผ้าขาวแล้วนำผผงขมิ้นมาทาฝ่าเท้าของพ่อท่าน ประทับลงบนผ้าขาวและให้ท่านอธิษฐานจิตลงบนผ้าขาวนั้นจึงนับเป็นผ้ายันต์ ต่อมามีคนลองนำไปทดลองใช้ปืนยิง ปรากฎว่าปืนด้าน ยิงไม่ออก จนทำให้เลื่องลือเป็นที่กว้างขวางนับแต่นั้นมา  ต่อมาก็มีชาวบ้านนำชานหมากของท่านมาปั้นเป็นลูกอม ได้ผลชะงักในการป้องกันสัตว์มีพิษนักแล ต่อมาเมื่อมีผู้ต้องการมากขึ้นท่านก็ได้ทำสิ่งอื่นออกมา ต่างก็ปรากฎปาฎิหาริย์ต่างๆ เสมอๆ นั่นเอง

9.พ่อท่านมุ้ย วัดป่าระกำเหนือ

พ่อท่านมุ้ย วัดป่าระกำเหนือ

            พ่อท่านมุ้ย หรือพระครูนิโครธจรรยานุยุต พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองนครฯ เป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา โดยพ่อท่านมุ้ยเป็นพระวิปัสสนา ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และยังมีความรู้ทั้งด้านหมอยาสมุนไพร ว่ากันว่ายุคก่อนที่หมอจะมีความรู้ พ่อท่านก็ได้ช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหญิงที่คลอดยาก ให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น ต่อมาเมื่อชราภาพจึงหยุดไป แต่ก็ยังทำลูกอมให้ เพื่อชาวบ้านที่มาขอไปแช่น้ำให้หญิงที่จะคลอดดื่มและนึกถึงพ่อท่าน ก็จะคลอดง่าย ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเช่นเดียวกัน

10.พ่อท่านกล่ำ วัดศาลาบางปู

พ่อท่านกล่ำ วัดศาลาบางปู

            พ่อท่านกล่ำ แห่งวัดศาลาบางปู พระอริยสงฆ์ที่ให้กำเนิดยันต์ 8ทิศ ราหู 8 ตน พระครูวิสุทธิจารี หรือพ่อท่านกล่ำถือพรมจรรย์ บวชเรียนตั้งแต่สามเณรจนละสังขารตอนอายุได้ 96 ปี และร่างของท่านยังเก็บอยู่ในมณฑป โดยที่เส้นเกศา หรืออวัยวะต่างๆ ต่างไม่เสื่อมสลายไป นับเป็นอีกหนึ่งพระเกจิที่ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            เมืองนครศรีธรรมราช ไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงด้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงของพื้นเมืองต่างๆ และก็ยังมีพระเกจิชื่อดังที่เป็นที่เลื่อมใส ศรัทธา ของชาวบ้าน และผู้คนมากมาย ถือเป็นเมืองที่เราทุกคนควรไปเยือนสักครั้งในชีวิตเลยทีเดียว

กระเป๋ากระจูด งานหัตถกรรมเพิ่มมูลค่า เก๋ไก๋ทันสมัย ของดีเมืองนคร

“กระจูด” หรือ “จูด” เป็นเป็นพันธุ์ไม้จำพวก “กก” ลำต้นมีลักษณะกลม สีเขียวอ่อน สูงประมาณ 1-2 เมตร ออกดอกเป็นกระจุกแน่นคล้ายกับดอดกระเทียม เจริญเติบโตเป็นกลุ่มใหญ่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือในระบบนิเวศพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือป่าพรุที่มีน้ำขังตลอดปีที่ระดับความลึกประมาณ 1-2 เมตร แพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะมาดากัสการ์ ลังกา สุมาตรา มอริเซียส หมู่เกาะต่างๆ ในแหลมมลายู ฮ่องกง บอร์เนียว รวมไปถึงทวีปออสเตรเลียฝั่งตะวันออก ส่วนในประเทศไทยพบได้แถบภาคตะวันออกและภาคใต้

กระเป๋ากระจูดจากหญ้าไร้ราคา เพิ่มมูลค่าด้วยหัถศาสตร์ภูมิปัญญาชาวบ้าน

การสานกระจูด เครดิตภาพ smartsme.co.th

ประเทศไทยพบกระจูดมากในพื้นที่ป่าพรุของตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแหล่งของกระจูดที่มีคุณภาพดี เหนียวและทนทาน ชาวบ้านมักจะนำกระจูดมาจักสานเป็นข้าวของเครื่องใช้ภายในครัวเรือน โดยใช้ภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นของปู่ย่าตายาย ซึ่งชาวบ้านสานกันเป็นแทบทุกคนอยู่แล้ว งานสานที่นิยมทำกันมากก็คือ “เสื่อกระจูด” ที่เอาไว้ใช้สำหรับปูนอน และทำขายด้วยแต่กลับไม่มีตลาดรองรับ

ทว่าในปัจจุบันได้มีการพัฒนาต่อยอดดัดแปลงจนกลายมาเป็นกระเป๋ากระจูดสานแฟชั่น ที่มีดีไซน์สวยเก๋ และมีลวดลายต่างๆ หลายแบบให้เลือกมากขึ้น รวมทั้งมีหลายสีให้เลือกด้วยเพราะมีการนำกระจูดมาย้อมสีด้วยสีย้อมจากธรรมชาติ เหตุผลที่ชาวบ้านเลือกใช้สีย้อมจากธรรมชาติแทนที่จะใช้สีย้อมจากสารเคมีนั้นก็เพราะว่าการใช้สีย้อมจากสารเคมีจะส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลร้ายต่อสุขภาพของชาวบ้านเองด้วย

นอกจากการสานกระจูดจะมีการพัฒนาในเรื่องของสีสันแล้ว ยังมีการพัฒนาในเรื่องของลวดลายที่สานอีกด้วย โดยการนำกระจูดที่ย้อมสีแล้วมาสานเพื่อทำให้เกิดลวดลายที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งลวดลายที่สานนั้นก็มีทั้งลายดั้งเดิม ได้แก่ ลายขัดหนึ่ง ลายขัดสอง และลายขัดสาม ซึ่งเป็นลายพื้นฐาน เมื่อสานลายพื้นฐานเหล่านี้จนชำนาญก็สามารถประยุกต์ไปเป็นลายขั้นสูงได้ เช่น ลายตอกคู่ ลายขัดตาหมากรุก ลายดอกพิกุล เป็นต้น

ลายขัดสอง หรือลายสอง เป็นลายที่นิยมมาสานเป็นลายของเสื่อมากที่สุด เพราะสานง่าย สร้างความแข็งแรงให้กับเสื่อ และสวยงามกว่า และยังสามารถดัดแปลงเป็นลายอื่นๆ  ได้อีกหลายลาย เช่น ลายลูกแก้ว ลายดาวล้อมเดือน ลายดาวกระจาย เป็นต้น

การสานกระจูด เครดิตภาพ kajood.com

ส่วนลายประยุกต์ หรือลายที่มีการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภคเพื่อทำการขยายตลาดเพิ่มนั้น ได้แก่ ลายตัวแอล ลายสก๊อต ลายฟันปลา ลายรองจาน เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ชื่อเสียงของเครื่องจักสานกระจูดจากเมืองนครศรีธรรมราชเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้นเนื่องจากเป็นแหล่งผลิตสินค้าจากต้นกระจูดแท้ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพราะต้นกระจูดเป็นพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในท้องถิ่นและมีความชุกชุมมาก ทำให้หาได้ง่าย ไม่ต้องลงมือปลูกเองเลย ดังนั้นชาวบ้านจึงสามารถแปรรูปกระจูดตั้งแต่การเก็บกระจูดสดไปจนถึงขั้นตอนของการทำกระจูดสานโดยที่ยังใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมอยู่ได้ แค่ปรับจากการสานไว้ใช้งานเองในครัวเรือนมาเป็นการสานกระจูดในเชิงของธุรกิจแทน

ซึ่งนอกจากจะมีกระเป๋าสานกระจูดแล้ว ยังสามารถสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น เช่น พัด กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ รองเท้าแตะ ที่ใส่โน้ตบุ้กหรือไอแพด หรือของตกแต่งบ้านต่างๆ เช่น ปลอกคลุมเก้าอี้ ที่รองแก้ว ที่รองจาน ที่ปูโต๊ะ เป็นต้น

และจุดเด่นของกระเป๋าสานจากกระจูดอยู่ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งทน และกระจูดยิ่งเก่าก็จะออกสีเหลืองทอง มีความเหนียว ทนทาน การเก็บรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากเพียงแค่วางเก็บไว้ในที่ร่ม และถ้าเป็นไปได้ยิ่งใช้กระเป๋าได้บ่อยเท่าไหร่กระเป๋าก็จะยิ่งนิ่มขึ้นเท่านั้นอีกด้วย

กระเป๋ากระจูดหัตกรรมพื้นบ้าน ปรับตัวเฉิดฉายสร้างรายได้ออนไลน์เป็นกอบเป็นกำ

Live ขายกระเป๋ากระจูด เครดิตภาพ กระจูดไทย [Krajoodthai]

ปัจจุบันช่องทางในการจัดจำหน่ายก็มีมากมายหลากหลายช่องทางเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อตามความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์ที่วางขายผ่านหน้าร้าน และที่ทำการไปรษณีย์ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee, Facebook Page, Lazada, Instagram โดยเฉพาะการไลฟ์สดขายของได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เพราะสามารถสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าได้ทันทีในขณะที่ทำการไลฟ์สด ทำให้การเปิดขายผ่านไลฟ์สดในแต่ละครั้งนั้นสามารถที่จะปิดการขายได้มากกว่า 100 ชิ้นเลยทีเดียว ส่งผลให้ในแต่ละเดือนมียอดจำหน่ายมากกว่าหนึ่งแสนบาทต่อเดือน และกลายเป็นช่องทางหลักในการกระจายสินค้าให้ส่งตรงถึงมือลูกค้าในช่วงที่โควิด-19 ระบาดด้วย

นอกจากจะจัดจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังส่งไปจำหน่ายแก่กลุ่มลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่ หนองคาย ภูเก็ต หน่วยงานต่างๆ เช่น โรงแรม รวมทั้งยังส่งออกไปยังประเทศจีนมาได้ 2-3 ปีแล้วด้วย ซึ่งรูปแบบผลิตภัณฑ์จักสานจากกระจูดที่คนจีนนิยมคือ “กล่องตะกร้า” และ “กระเป๋าสาน” อีกทั้งลูกค้ายังมีทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน และข้าราชการ ซึ่งราคาของสินค้าก็เริ่มต้นที่ 100 บาทไปจนถึงราคาหลักพัน

ดังนั้นงานจักสานกระจูดจึงไม่ใช่แค่งานภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นต่อรุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นงานหัตถกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป

“เข็ดมอน” จากหญ้าดึกดำบรรพ์ สู่น้ำมันนวด KM Oil

“เข็ดมอน” เป็นหญ้าชนิดหนึ่ง เติบโตตามธรรมชาติ พบได้ทั่วไปบนดินทรายในพื้นที่ภาคใต้ โดยฉพาะตามแนวสันทรายโมคลาน ตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏในสำนวนท้องถิ่นที่จดจำและเล่าต่อกันเป็นมุขปาฐะว่า “ตั้งดินตั้งฟ้า ตั้งหญ้าเข็ดมอน” การถูกทรงจำในลักษณะที่มีต้นกำเนิดมาพร้อมดินและฟ้า ทำให้หญ้าเข็ดมอนมีอีกสถานะคือการเป็น “หญ้าดึกดำบรรพ์”

หญ้าเข็ดมอนที่พบบนสันทรายโมคลานมี 2 ชนิด “ลุงชม” หรือ นายชม พันธิ์เจริญ ปราชญ์ท้องถิ่นตำบลโมคลานวัย 76 ปี อธิบายว่า “…หญ้าเข็ดมอนมี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือหญ้าเข็ดมอนตัวผู้ และหญ้าเข็ดมอนตัวเมีย ทั้ง 2 นี้ มีสรรพคุณในทางยา…”

ลุงชม เล่าให้คณะทำงานโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ซึ่งพื้นที่ตำบลโมคลานบ้านลุงชมอยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยมี ผศ.ดร. รุ่งระวี จิตภักดี เป็นหัวหน้าโครงการ ฟังว่า ลุงชมได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการทำน้ำมันนวดมาจากคุณปู่ ในระยะแรกได้ทดลองทำน้ำมันจากสมุนไพร 3 ชนิด คือ ผักเสี้ยนผี ขมิ้นอ้อย และน้ำมันมะพร้าว เมื่อทดลองใช้เองแล้วได้ผลพอสมควรจึงแสวงหาสมุนไพรในท้องถิ่นเพิ่มเติมเพื่อสรรพคุณที่มากกว่า จนพบว่า “หญ้าเข็ดมอน” มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อย ตามชื่อที่ชาวปักษ์ใต้เรียกอาการปวดเมื่อยว่า “เข็ด”

ลุงชมได้สืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษโดยการสกัดสรรพคุณจากสมุนไพรหญ้าเข็ดมอนออกมาใช้ประโยชน์ พร้อมกับส่วนประกอบต่าง ๆ อีก 19 ชนิด เป็นน้ำมันสมุนไพรที่สามารถใช้นวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ป้ายแผลเปื่อย แผลสด แผลน้ำร้อนลวก แผลในปากจากอาการร้อนใน ชโลมหนังศีรษะรักษาอาการผมร่วงเนื่องจากเชื้อรา

ในระยะแรก บรรจุภัณฑ์และแบรนด์ภายใต้ภาพและชื่อ “ลุงชม” สนนราคาอยู่ที่ขวดละเพียง 20 บาท มีจำหน่ายเฉพาะที่บ้านของลุงชมเท่านั้น ผศ.ดร. รุ่งระวีฯ และคณะทำงานจึงมีความเห็นร่วมกันว่า หญ้าเข็ดมอนคือของขวัญจากบรรพชน คือจุดเชื่อมร้อยระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือภูมิปัญญาที่สามารถพัฒนาสู่อาชีพ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่มีขึ้นเพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับชุมชน หญ้าเข็ดมอนจึงควรได้รับการพัฒนาให้กลับมาทรงจำของคนในยุคปัจจุบันอีกครั้งในฟังก์ชันที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและกระแสสังคม โดยเบื้องต้นได้วางแผนในการ Rename Repackeging และ Remarketing เพิ่มมูลค่าตลอดจนการขยายผลสู่การส่งเสริมอาชีพที่เกี่ยวเนื่องให้กับชุมชน เพื่อให้ “หญ้าเข็ดมอน” จากหญ้าดึกดำบรรพ์ จะได้ถูกพัฒนาสู่น้ำมันนวด KM Oil ลุงชมเคเอ็มออยล์ จึงเป็นการผสมสานศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นฐานของศิลปวัฒนธรรมและการแพทย์พื้นบ้าน KM ที่มาจาก Khed Mon จึงคล้ายว่าเป็นคุณค่าและความหมายเดียวกันกับ Knowledge Management

ไผ่พาสเทล โมคลาน ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นมากกว่าเครื่องจักสาน

ไผ่พาสเทล โมคลาน

โมคลาน” เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ทอดตัวไปในแนวเหนือ-ใต้ ขนานไปกับชายฝั่งทะเลตะวันออก มีภูมิประเทศตั้งอยู่บนสันทรายระหว่างเทือกเขานครศรีธรรมราชและทะเลอ่าวไทย ทำให้ทั้งดินและน้ำอุดมสมบูรณ์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงทั้งผู้คน สรรพสัตว์ และพืชพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ต้นไผ่” ซึ่งเป็นไม้ชั้นดีที่ต่างก็ยอมรับกันในเรื่องคุณภาพ ตั้งแต่หน่อไม้ถึงปลายลำ ถูกนำมาใช้สอยได้นานาประโยชน์ ไผ่ดีด้วยดินดี น้ำดี ดังกล่าวแล้วว่าโมคลานตั้งอยู่บนสันทรายอันอุดมสมบูรณ์ “ไผ่” จึงเป็นหนึ่งในห่วงโซ่การเกษตรที่สำคัญบนสันทรายนี้

โมคลานมีปราชญ์ท้องถิ่นคนสำคัญอย่าง “นายกิบหลี หมาดจิ” หรือ “ป๊ะกิบหลี” ทำให้ “ไผ่” ถูกประดิษฐ์ประดอยด้วยภูมิปัญญาอันสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น กระเชอ ชะลอม กระด้ง กระจาด ตะกร้า เป็นต้น นอกจากการสืบสานงานหัตถกรรมเหล่านี้แล้ว ป๊ะกิบหลียังพัฒนาฝีมือด้วยการประยุกต์สานกระบอกใส่แก้วน้ำแบบพกพา โคมไฟ และอีกสารพัด สุดแต่จะได้รับออเดอร์ คล้ายกับว่าทั้งผู้ทำและผู้ใช้ต่างก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์

มากไปกว่าการเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ป๊ะกิบหลี ยังเปิดบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ของชุมชนและต้อนรับนักท่องเที่ยว เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหากิจกรรมสำหรับครอบครัวด้วยงาน DIY Handicraft ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ให้เด็กๆ ร่วมกันออกแบบบรรจุภัณฑ์สร้างสรรค์ของครอบครัว แถมยังฝึกทักษะการคิดเชื่อมโยง ทีมเวิร์ค และสมาธิหลักสูตรระยะสั้นกันได้ภายในระยะเวลา 1 วันก็ได้เลยทีเดียว

ไผ่จากป่า มาสู่งานฝีมือ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ความโดดเด่นจากการไล่สีของเปลือกไผ่ทำให้ได้โทนพาสเทลแบบออแกนิก ปลอดภัยสำหรับการใช้สอยที่ต้องสัมผัสกับอาหาร แถมยังได้ชื่นชมกับคุณค่าจากสีธรรมชาติของตอกไผ่บนผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น ของที่นี่โมคลาน…